จีนโต้ ‘ทรัมป์’ ขู่ขึ้นภาษี
เมื่อวันที่ 2 ส.ค. กระทรวงต่างประเทศของจีนโต้กลับคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ว่าจะขึ้นภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นไป นับเป็นการยกระดับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ทรัมป์ทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วนด้วยการระบุว่า เขามีแผนจะขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากจีนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ถือเป็นการยุติการพักรบสงครามการค้าที่ดำเนินมานานกว่าปีและส่งผลให้การเติบโตทั่วโลกชะลอตัวและขัดขวางซัพพลายเชน
จีนจะไม่ยอมอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ แม้แต่นิ้วเดียว หัวชุนหยิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนระบุ
“ หากอเมริกาผ่านมาตรการภาษี จีนจะมีมาตรการรับมือที่จำเป็นเพื่อปกป้องหลักการและผลประโยชน์พื้นฐานของประเทศ” โฆษกหัวกล่าวในการแถลงข่าวในกรุงปักกิ่ง
“เราจะไม่ยอมรับแรงกดดัน คำขู่ หรือแบล็กเมล ในประเด็นสำคัญของหลักการ เราจะไม่ยอมให้แม้แต่นิดเดียว” เธอกล่าว โดยเสริมว่าจีนหวังว่า สหรัฐฯจะ “ละทิ้งภาพลวงตา” และหันกลับมาสู่การเจรจาบนพื้นฐานของการเคารพกันและกันและเท่าเทียมกัน
ทรัมป์ยังขู่จะขึ้นภาษีอีก หาก ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีนไม่ยอมทำข้อตกลงให้ลุล่วง เร็วขึ้น มาตรการภาษีรอบใหม่จะทำให้สหรัฐฯ เก็บภาษีได้ครอบคลุมเกือบทั้งหมดกับสินค้านำเข้าจากจีน โดยทรัมป์โพสต์ขู่อย่างต่อเนื่องบนทวิตเตอร์ หลังจากหัวหน้าคณะผู้แทนในการเจรจาสรุปผลการเจรจาการค้าที่ขาดความก้าวหน้าที่นครเซี่ยงไฮ้ในสัปดาห์นี้
โดยทรัมป์ระบุในเวลาต่อมาว่า หากการเจรจาการค้าไม่ก้าวหน้า เขาจะขึ้นภาษีเพิ่มอีก ซึ่งอาจเกิน 25% ที่สหรัฐฯจัดเก็บกับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หวังอี้ รมว.กระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวนอกรอบของการประชุมอาเซียนในประเทศไทยว่า ภาษีที่จัดเก็บเพิ่มเติม “ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง” ในการรับมือกับกรณีพิพาททางการค้าทวิภาคี
“ภาษีเพิ่มเติมไม่ใช่วิธีการที่สร้างสรรค์ในการแก้ไขความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้า” เขากล่าว
กลุ่มธุรกิจอเมริกันในจีนแสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีรอบใหม่ โดยเมื่อวันที่ 2 ส.ค. สภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีนระบุว่า มีความกังวลว่ามาตรการภาษีของทรัมป์ “จะเป็นตัวผลักให้จีนออกจากโต๊ะเจรจา และลดทอนความหวังจากการเจรจารอบที่ 2 ที่จบลงในสัปดาห์นี้ที่เซี่ยงไฮ้”.