สื่อมณฑลส่านซีปรับโครงสร้างรับยุค 5G
“สื่อรัฐ” มณฑลส่านซี เดินหน้าปรับโครงสร้างใหม่รับยุค 5G ผนวกรวม “สื่อเก่า-ใหม่” เข้ากันอย่างลงตัว พร้อมรุกสร้างคอนเทนท์ครอบคลุมทุกเครือข่ายสื่อ ตั้งแต่ระดับชาติ-มณฑล-เมือง สู่ระดับอำเภอ ตั้งเป้าเข้าถึงชาวบ้าน 107 อำเภอในอีก 2 ปีเผยรัฐบาลไม่ปิดกั้นการตรวจสอบ หากเป็นไปเพื่อสร้างธรรมภิบาลและการเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 กรกฎาคม 2562 คณะสื่อมวลชนจากประเทศไทย พร้อมคณะเจ้าภาพฝ่ายจีน นำโดยมาดามฟาง เจิ่ง ฮุย รองผู้อำนวยการ กรมกิจการจัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือภาษาต่างประเทศแห่งประเทศจีน (CIPG), นายจาง เสี่ยว ตง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและข่าว สำนักงานวิเทศสัมพันธ์ มณฑลส่านซี และคณะ เดินทางไปเยี่ยมชมกิจการ พร้อมศึกษาและดูงานที่สถานีวิทยุและโทรทัศน์มณฑลส่านซี เพื่อเรียนรู้การพัฒนาอย่างบูรณาการของสื่อมวลชนจีน
โดยมี นายเชียน จวิน รองผู้อำนวยการ สถานีวิทยุและโทรทัศน์มณฑลส่านซี, นายสือ เค่อกัง รองผู้อำนวยการฝ่ายเว็บไซต์, นางโจว ซินลี่ รองผู้อำนวยการศูนย์ข่าว และนายหยาง เหวิน เหมิง ผู้อำนวยการฝ่ายช่องโทรทัศน์ดาวเทียม พร้อมคณะ คอยให้การต้อนรับ พร้อมแนะนำการดำเนินงานของสถานีวิทยุและโทรทัศน์มณฑลส่านซีแห่งนี้
สำหรับสถานีวิทยุและโทรทัศน์มณฑลส่านซี ตั้งขึ้นโดยการควบรวมกิจการวิทยุ (ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1949) เข้ากับกิจการโทรทัศน์ (ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1960) เมื่อปี 2011 โดยมีเครือข่ายทั้งสื่อวิทยุและโทรทัศน์อย่างละ 10 สถานี นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ และสื่อใหม่อื่นๆ โดยเฉพาะเว็บไซต์ซีปู้ หรือ CNWEST ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลมณฑลส่านซี และมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบรวมทั้งสิ้น 180 คน
นายเชียน จวิน รองผู้อำนวยการสถานีฯ กล่าวว่า จากแนวโน้มของสื่อยุคใหม่และเทคโนโลยี 5G ดังนั้น รัฐบาลกลาง ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จึงมีนโยบายให้มณฑลต่างๆ ทั้งกว่า 30 มณฑล ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรและแฟลตฟอร์มการดำเนินในกิจการสื่อ ซึ่งรัฐเป็นเจ้าของ สอดรับกับกระแสข้างต้น โดยในส่วนของสถานีวิทยุและโทรทัศน์มณฑลส่านซี ซึ่งมีผู้ชมมากกว่า 5 ล้านครัวเรือน และมีสมาชิกฯราว 30 ล้านคนคอยติดตามสื่อต่างๆ ในเครือข่าย ได้ดำเนินการปรับปรุงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012-2013 เป็นต้นมา
โดยผสมผสานการดำเนินงานของสื่อดั้งเดิมเข้ากับสื่อสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดความลงตัวมากที่สุด แม้ว่าสื่อสมัยใหม่จะเป็นอนาคต แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่คุ้นชินกับสื่อยุคเก่า ทั้งนี้ จากนโยบายของส่วนกลาง ทำให้สถานีฯแห่งนี้ สร้างแฟลตฟอร์มที่ลงลึกทั้งในระดับการทำข่าวและนำเสนอข่าวในมิติต่างๆ ตั้งแต่ระดับประเทศ ระดับมณฑล ระดับเมือง จนถึงระดับอำเภอ ซึ่งในมณฑลส่านซี มีมากถึง 107 อำเภอ ด้วยการไปที่พันธกิจ 3 ส่วน คือ 1.ให้บริการข้อมูลและข่าวสาร 2.ให้บริการด้านปกครองจากภาครัฐสู่ภาคประชาชน และ 3.ให้บริการแก่ประชาชน ทั้งการใช้ชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากมณฑลส่านซี มีเพียงสถานีฯแห่งนี้คอยให้บริการด้านสื่อจากภาครัฐเพียงหนึ่งเดียว
“แนวคิดของแฟลตฟอร์มการทำสื่อของสถานีฯ ที่ได้รับนโยบายจากส่วนกลาง แบ่งเป็น 3 เฟส คือ เมื่อก่อนเป็นไปในลักษณะ “คุณคือคุณ เราคือเรา” แยกการทำงานระหว่างสื่อแขนงต่างๆ ออกจากกันอย่างชัดเจน กระทั่งมาถึงปัจจุบัน เริ่มเปลี่ยนเป็น “ในเรามีคุณ ในคุณมีเรา” ซึ่งสถานีฯของเรา เดินทางมาจนถึงจุดนี้แล้ว โดยตั้งเป้าว่าในอนาคตอันใกล้ เราจะก้าวไปสู่จุดสุดท้ายคือ “คุณคือเรา และเราคือคุณ” หมายความว่า การดำเนินของสื่อแขนงต่างๆ จะถูกขมวดรวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งทุกวันนี้ สถานีของเราสร้างโครงข่ายได้ครอบคลุมเพียงแค่ 40 อำเภอเท่านั้น แต่ก็คาดว่าภายใน 2 ปีนับจากนี้ จะสามารถนำเสนอคอนเทนท์ต่างๆ ครอบคลุมได้ครบทั้ง 107 อำเภอ” นายเชียน จวิน ระบุ
ทั้งนี้ แม้สื่อจีนจะมีรัฐเป็นเจ้าของ และแนวคิดการทำสื่อจะต้องตอบสนองและสอดรับกับนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลกลาง เนื่องจากทั้ง 2 องค์กร ล้วนมาจากภาคประชาชน การดำเนินงานใดๆ จึงตรงกับความคิดเห็นส่วนใหญของประชาชน กระนั้น สื่อจีนก็สามารถจะนำเสนอข่าวสารในลักษณะของการตรวจสอบรัฐบาลและส่วนราชการต่างๆ ได้ แต่ต้องเป็นไปในลักษณะของการตรวจสอบเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การสร้างธรรมาภิบาลที่ดี ไม่ใช่เป็นทำหน้าที่เป็นศัตรูกับทั้งรัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์
สำหรับสถานีวิทยุและโทรทัศน์มณฑลส่านซี ได้รับจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล ราวปีละ 40-50 ล้านบาท แต่รายได้ส่วนใหญก็มาจากกิจกรรมของสถานีฯ ไมว่าจะเป็นรายได้จากค่าโฆษณา และการให้บริการอื่นๆ ซึ่งมีทั้งบริการแบบเก่า เช่น ทำประชาสัมพันธ์ธุรกิจ หรือกิจกรรมของภาคธุรกิจ รวมถึงบริการใหม่ๆ ที่พัฒนาไปพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
อย่างไรก็ตาม นายเชียน จวิน ย้ำว่า การดำเนินงานทั้งหมดของทางสถานีฯ จะไม่เน้นไปที่การสร้างผลกำไร แต่เป็นไปเพื่อตอบสนองการบริหารจัดการของรัฐบาล และการให้บริการประชาชนมากที่สุด.