ผู้นำฮ่องกงย้ำกม.ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจบแล้ว
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. แคร์รี แลม ผู้ว่าการฮ่องกงแถลงว่า กฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ก่อให้เกิดการประท้วงครั้งประวัติศาสตร์ในฮ่องกงได้ “จบ” ลงแล้ว
หลังจากมีประเด็นดราม่ายาวนานเป็นสัปดาห์ในระหว่างการแถลงข่าว เธอย้ำว่า ไม่มีแผนจะเริ่มกระบวนการที่จะผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้อีก โดยเธอบรรยายงานในการปลุกปั้นกฎหมายฉบับเจ้าปัญหานี้ว่า “ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” ขณะเดียวกัน แลมระบุว่า เธอรับผิดชอบอย่างเต็มที่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฮ่องกง
ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางการเมืองในฮ่องกงยกระดับขึ้นในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการประท้วงกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปพิจารณาคดีที่จีนแผ่นดินใหญ่ โดยกฎหมายถูกระงับไปหลังจากการชุมนุมประท้วงครั้งแรกที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมหาศาล แต่ผู้ประท้วงยังคงมีการประท้วงต่อไปเพื่อกดดันให้มีการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกจากสภาอย่างสิ้นเชิง
“ ดิฉันเกือบจะหยุดกฎหมายนี้ในทันที แต่ยังคงมีความข้องใจเรื่องความจริงใจของรัฐบาล หรือมีความกังวลว่ารัฐบาลจะเริ่มกระบวนการผ่านร่างกฎหมายในสภาอีก ดังนั้น ดิฉันจึงขอย้ำตรงนี้ว่า ไม่มีแผนการเช่นนั้น กฎหมายฉบับนี้จบลงแล้ว”
อย่างไรก็ตาม แลมไม่ได้ระบุว่า เธอได้ถอนกฎหมายฉบับนี้ออกจากสภาอย่างเป็นทางการ ก่อให้เกิดคำถามว่าจะมีการรื้อฟื้นกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาอีกในอนาคตหรือไม่
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. มีการฉลองครบรอบ 22 ปีที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้จีน แต่ผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งได้บุกเข้าไปในสภานิติบัญญัติและทำลายทรัพย์สินเสียหาย ก่อนตำรวจจะใช้แก๊สน้ำตาเพื่อผลักดันให้ผู้ประท้วงออกมาจากอาคาร
และเมื่อวันที่ 7 ก.ค.หน่วยงานที่จัดการประท้วงระบุว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 200,00 คน ที่เดินขบวนในย่านเกาลูนเพื่อให้ชาวจีนที่มาเยือนย่านนี้บ่อยๆ ได้รับรู้ข้อมูลการประท้วง
แลมกล่าวว่า เธอ “ภูมิใจในคุณภาพของประชาชนฮ่องกง” จากการเดินขบวนอย่างสงบเรียบร้อยโดยผู้ประท้วงส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เธอระบุว่า “มีผู้ประท้วงส่วนน้อยที่ฉวยโอกาสนี้แสดงออกอย่างรุนแรงและทำลายทรัพย์สินสาธารณะ”
“ เราเศร้าใจที่เห็นพฤติกรรมที่รุนแรงเพราะพวกเขาบ่อนทำลายหลักนิติธรรมในฮ่องกง” เธอกล่าว “ ดังนั้น ดิฉันจึงขอร้องอย่างจริงใจไว้ตรงนี้ว่า ในอนาคต หากคนฮ่องกงคนใดมีความเห็นที่แตกต่าง โดยเฉพาะกับนโยบายของรัฐบาล โปรดแสดงออกอย่างสันติและมีมรรยาทที่ดี”
แลมระบุว่าเสียงเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรม ( เนื่องจากรัฐบาลไม่ยอมสอบสวนเหตุปะทะของตำรวจกับผู้ประท้วงและดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดกฎหมายในช่วงการประท้วง ) เป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้”
ขณะเดียวกัน เธอกล่าวว่าจะมีการศึกษาอย่างอิสระในประเด็นพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบจลาจล โดยขอเวลาเพื่อ “พัฒนาสถานการณ์ในปัจจุบัน”