GDP จีน Q1 โต 6.4% เกินคาด
เมื่อวันที่ 17 เม.ย.จีนเผยข้อมูลเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการที่สูงเกินคาดการณ์ รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
โดยจีนระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสแรกของปี 62 ขยายตัว 6.4% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ 6.3% จากโพลนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 4 ของปี 61 เติบโต 6.4% และ 6.8% ในไตรมาสแรกของปี 61
ยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจในเอเชียยังได้เผยถึงตัวบ่งชี้เศรษฐกิจอื่นๆ คือ
– ผลผลิตอุตสาหกรรมเติบโต 8.5% ในเดือนมี.ค. พุ่งขึ้นแซงตัวเลข 5.9% ที่ประเมินโดยรอยเตอร์ นับเป็นการเติบโตเร็วที่สุดตั้งแต่เดือนก.ค.57
– ค้าปลีกเดือนมี.ค.เติบโต 8.7% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์จากรอยเตอร์ที่ 8.4%
– การลงทุนสินทรัพย์ถาวรในไตรมาสแรกเติบโตเพิ่มขึ้น 6.3% สอดคล้องกับการคาดการณ์
นักลงทุนจับตาสภาพเศรษฐกิจของจีน (ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลก) อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ
จากตัวเลขล่าสุด นักวิเคราะห์กล่าวชมมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน
“ ฉันคิดว่า ผลกระทบจากนโยบายได้ผลแล้ว” หูอี้ฟาน ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุนในภูมิภาค และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนที่ USB Global Wealth Management กล่าวกับ CNBC หลังการประกาศข้อมูล
“ การเจรจากับสหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่ เราเห็นสัญญาณบวก แต่เรายังต้องระวังความไม่แน่นอนและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น” เธอกล่าว
คำเตือนของอู๋สอดคล้องกับสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ระบุว่า ขณะที่มีสัญญาณบวก แต่เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญกับแรงกดดันที่เกิดจากปัจจัยภายนอก
ไต๋ฮุ่ย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดประจำเอเชียแปซิฟิก ของ JP Morgan Asset Manage
ment ระบุว่าจีนอาจระงับมาตรการกระตุ้นเศรษกิจรอบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธนาคารกลางของจีนอาจระงับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มหนี้อีกครั้ง
“ เราควรตระหนักว่า เป้าหมายการเติบโตในปีนี้อยู่ที่ 6 – 6.5% และไตรมาสล่าสุดก็อยู่ในขอบเขตตามเป้า”
ก่อนการเปิดเผยข้อมูลในวันที่ 17 เม.ย. มีหลายตัวชี้วัด ( ทั้งจากแหล่งข่าวเอกชนและทางการ)
ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีพัฒนาการดีขึ้น เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน โดยในเดือนมี.ค.จีนรายงานตัวเลขส่งออกที่สูงกว่าที่คาดการณ์ และการขยายตัวของกิจกรรมการผลิตที่สูงเกินคาดการณ์เช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า เศรษฐกิจจีนอาจผ่านช่วงตกต่ำมาแล้วและตอนนี้ถึงเวลาของการฟื้นตัวขึ้น
การต่อสู้ด้านภาษีระหว่างจีนและสหรัฐฯส่งผลกระทบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว เพิ่มแรงกดดันกับจีนที่พยายามจะทำให้เศรษฐกิจลดการพึ่งพาการสร้างหนี้ลง.