ผู้บริหารการเงินไม่เชื่อมั่นศก.จีน
ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นกำลังฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริหารการเงินอาวุโสของหลายบริษัทที่ดำเนินการในจีน อ้างอิงจากผลสำรวจโดย Deloitte ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โพลของผู้บริหารการเงินที่มีการจัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษา Deloitte 2 ครั้งต่อปี เพื่อสอบถามถึงความเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับการค้าและธุรกิจสำหรับผลสำรวจ China CFO Survey โดยเมื่อถูกถามถึงความเปลี่ยนแปลงด้านความเชื่อมั่นในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา 82% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจดูจะเป็นแง่ลบมากขึ้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากโพลก่อนหน้านี้ของพวกเขา ซึ่งมีประมาณเพียง 30% ที่ระบุว่า การคาดการณ์ของพวกเขาเป็นไปไปในแง่บวกน้อยลง
“ มีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนด้านความเชื่อมั่น ” วิลเลียม โชว หุ้นส่วนบริหารของ Deloitte China CFO Program ระบุในผลสำรวจที่เผยแพร่ โดยย้ำถึงหลายปัจจัย ที่รวมถึงการขาดการแก้ไขความขัดแย้งด้านภาษีซึ่งกำลังดำเนินอยู่ระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน และการดิ้นรนของตลาดหุ้นในจีนที่ดิ่งเหว
ตลาดหุ้นของจีนที่ย่ำแย่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจ โดยเมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนประกาศสงบศึกทางการค้า ทำให้ทั้งสองประเทศไม่มีการขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าซึ่งกันและกันเป็นเวลานาน 90 วัน แต่แนวโน้มของการแก้ไขยังคงไม่ชัดเจน
ทาง Deloitte จัดทำโพลโดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 108 ราย จากผู้บริหารหลากหลายสัญชาติ ทั้งจากรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนที่ดำเนินกิจการในจีน ฮ่องกง และมาเก๊า โดยมีการจัดทำการสำรวจในระหว่างเดือน ก.ย. – พ.ย.
Deloitte ระบุว่า 69% ของผู้ตอบแบบสำรวจเป็นผู้บริหารที่อยู่ในตำแหน่งสูงระดับ CFO หรือ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน ขณะที่ 8% เป็นรองประธาน
โดยผลสำรวจพบว่า 59% ของผู้ตอบแบบสำรวจคิดว่าปริมาณการค้าจะลดลงในปีหน้า ขณะที่ 56% ระบุว่า บริษัทของพวกเขาได้รับผลกระทบแล้ว หรือคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีที่ปรับเพิ่มขึ้น
เมื่อถูกถามว่า ประเทศ หรือภูมิภาคใดที่จะได้ประโยชน์จากสงครามการค้านี้ 53% ของผู้บริหารตอบว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยมีเพียง 9% เท่านั้นที่ระบุว่าจีน
“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้พัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นฮับการผลิต และการเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้เกิดโอกาสที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” Deloitte ระบุในคำอธิบาย “ ภูมิภาคนี้ยังได้ประโยชน์จากบริษัทที่เปลี่ยนฐานในการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้า”
และเมื่อเอ่ยถึงแนวโน้มของค่าเงินหยวนของจีน 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาคาดการณ์ว่า เงินหยวนจะอ่อนค่าลงอีกต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีหน้า
ทั้งนี้ โชวจาก Delottte ระบุว่า ผู้บริหารต่างต้องการให้มีการแก้ไขความขัดแย้ง “ หากสหรัฐฯและจีนสามารถทำข้อตกลงกันได้ในที่สุด ความเชื่อมั่นทางธุรกิจจะปรับดีขึ้นอย่างรวดเร็ว”