จีนเกินดุลการค้าสหรัฐฯสูงทุบสถิติ
จีนเกินดุลการค้าสหรัฐฯสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ย. แม้การเติบโตโดยรวมของการส่งออกชะลอตัวลงท่ามกลางดีมานด์ทั่วโลกที่ซบเซา และความผันผวนเกี่ยวกับการแก้ไขสงครามการค้าในเชิงบวก
โดยมูลค่าการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯสูงเกือบ 35,6000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.17 ล้านล้านบาท โดยได้อานิสงส์จากการส่งออกที่มีการเติบโต 9.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และการนำเข้าลดลง 25%
การจัดส่งสินค้าไปทั่วโลกในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้น 5.4% ในเดือนพ.ย. พลาดเป้าจากการประเมิน กรมศุลกากรรายงานเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.
ขณะที่การนำเข้ามีการเติบโต 3% ทำให้ช่องว่างการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯยิ่งห่างออกไปจากเดิม 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มเป็น 44,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบปีนี้
Larry Hu นักเศรษฐศาสตร์ที่ Macquarie Securities ที่ตั้งอยู่ในฮ่องกง อ้างว่าผู้ส่งออกสินค้าเร่งจัดส่งสินค้าให้เร็ว ก่อนมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการปรับขึ้นภาษีในปีหน้า
“ การส่งออกและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลงจะนำไปสู่การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ” Hu กล่าวหลังมีการเผยแพร่ข้อมูล
“ การเติบโตของการส่งออกจะลดลงอย่างชัดเจนเป็นเลขตัวเดียวในปีหน้า”
ตัวเลขส่งออกยังเติบโตในเดือนพ.ย.เพราะคำขู่ของสหรัฐฯ ว่าจะขึ้นภาษีในวันที่ 1 ม.ค.2562 ยังคงอยู่บนโต๊ะเจรจาก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯจะมีการพูดคุยกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนในการประชุมกลุ่มประเทศ G-20
การปรับขึ้นภาษี ซึ่งช่วยหนุนให้การส่งออกเติบโตมาตั้งแต่เดือนส.ค. ถูกเลื่อนออกไปหลังจากมีการประชุมผู้นำระดับโลกในสัปดาห์ก่อน โดยทั้งสหรัฐฯและจีนตกลงที่จะพักรบสงครามการค้า ไม่มีการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน
“ การพักรบอาจเป็นการซื้อเวลาสำหรับผู้ผลิตที่จะยืดวงรอบการลงทุนให้นานออกไป แต่ไม่แน่ว่าจะช่วยหนุนแนวโน้มรายจ่ายลงทุนได้มากนัก นอกจากความผันผวนจะถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์ ” Angela Hsieh นักเศรษฐศาสตร์เอเชียประจำ Barclays Bank ระบุในโน้ตเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.
“ ประเทศใหญ่ที่ไม่รวมสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมการเติบโตที่ชะลอตัว ฉุดดีมานด์โดยรวมทั่วโลก ขณะที่การนำเข้ายังคงซบเซาจากดีมานด์ในประเทศที่ลดลง ” Xia Le นักเศรษฐศาสตร์เอเชียที่ Banco Bilbao Vizcaya Argentina ประจำฮ่องกงให้ความเห็น
มาตรวัดอุตสาหกรรมและตัวชี้วัดอื่นๆ ก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นการเติบโตในประเทศที่ชะลอตัว หลายมาตรการที่รัฐบาลจีนสนับสนุนยังไม่สามารถหนุนความเชื่อมั่นธุรกิจ และชดเชยผลกระทบจากดีมานด์ในประเทศและทั่วโลกที่ลดลง
ความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีนยังคงมีข้อพิพาทกัน เนื่องจากทั้งสองประเทศมีท่าทีแข็งกร้าวเกินไปในการเจรจา แต่ก็มีความเชื่อมโยงกันมากจนยากจะหลุดพ้นจากกัน อ้างอิงจากความเห็นของ Atsi Sheth กรรมการผู้อำนวยการของสถาบันจัดอันดับ Moody’s.