เศรษฐกิจจีนชะลอตัวเกินคาด
การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวเกินคาดการณ์ลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2552 เป็นต้นมา จากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่เพิ่มแรงกดดันกับการเติบโต อ้างอิงจากข้อมูลทางการที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 ต.ค.
โดยจีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกระบุว่า เศรษฐกิจมีการเติบโต 6.5% ต่อปีในไตรมาส 3 ของปีนี้ พลาดเป้าจากตัวเลขคาดการณ์ที่ 6.6% อ้างอิงจากโพลลส์นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ ข้อมูล GDP ล่าสุดต่ำกว่า 6.7% ของไตรมาสก่อนหน้านี้
แม้ GDP จะพลาดเป้า แต่ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวขึ้นมาอยุ่ในแดนบวก โดยดัชนีคอมโพสิทเซี่ยงไฮ้อยู่ที่ประมาณ 0.37% และดัชนีเสิ่นเจิ้นคอมโพสิทปรับเพิ่มขึ้น 0.325%
เมื่อเทียบกันไตรมาสต่อไตรมาส เศรษฐกิจจีนเติบโต 1.6% อ้างอิงจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งเป็นไปตามการประเมินจากนักเศรษฐศาสตร์ของโพลล์รอยเตอร์
Kelvin Tay หัวหน้าฝ่ายลงทุนในภูมิภาคประจำ UBS Global Wealth Management ระบุว่าการเติบโตที่ชะลอตัวลงของจีนไม่น่าประหลาดใจ
“ จีนไม่สามารถโต 6.6 – 6.7% ได้ทุกไตรมาส เพราะความจริงคือจีนเริ่มอ่อนแรงลง และปัจจัยอื่นคือความขัดแย้งกับอเมริกันยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง” เขากล่าวกับ CNBC หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลข GDP
นอกเหนือจากตัวเลข GDP ล่าสุด จีนยังเผยข้อมูลเศรษฐกิจอื่นด้วย
-โดยการผลิตอุตสาหกรรมในเดือนก.ย.เติบโต 5.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน พลาดจากเป้า 6% ที่รอยเตอร์คาดการณ์ไว้
-ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยรอยเตอร์ประเมินว่าจะเติบโต 9%
-การลงทุนทรัพย์สินถาวรในช่วงเดือนม.ค. – ก.ย.เติบโต 5.4% ดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของรอยเตอร์คือ 5.3%
แม้ตัวเลข GDP ทางการของปักกิ่งจะเป็นตัวบ่งชี้สภาพเศรษฐกิจของจีน แต่ผู้เชี่ยวชาญนอกประเทศจีนต่างมีความข้องใจถึงความจริงในรายงานของจีน โดย ห่าวจู นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสตลาดเกิดใหม่เอเชียประจำ Commerzbank ยอมรับว่า การปลดหนี้ทางการเงินชะลอตัวในปีนี้ เมื่อเทียบกับสองปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ธนาคารประชาชนของจีนปรับลดเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์ลงถึง 4 ครั้งในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะเพิ่มสภาพคล่องและการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนท่ามกลางสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
จีนพยายามที่จะกระชับนโยบายทางการเงินเพื่อบีบให้มีการมีการปลดหนี้และปรับลดหนี้ อย่างไรก็ตามเงื่อนไขทางการคลังที่ผ่อนปรนขึ้น เช่น การลดปริมาณเงินสดสำรองของธนาคาร ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือในการหนุนการเติบโต
ทั้งนี้ จีนตั้งเป้าหมายการเติบโตในปีนี้อยู่ที่ 6.5% แลมีแนวโน้มว่าจีนจะยังทำได้ตามเป้า โดยเศรษฐกิจจีนขยายตัวเติบโต 6.7% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อ้างอิงจากสำนักสถิติแห่งชาติ
จูทำนายว่า จีนจะรักษาการเติบโตให้มีเสถียรภาพได้อย่างต่อเนื่อง แต่อาจมีอุปสรรคกีดขวางในกระบวนการอยู่.