สมคิด หวัง ปตท.สร้าง ศก.ฐานราก ช่วยชุมชน
สมคิด แนะ ปตท. ตั้งร้านกาแฟ ในพื้นที่ชุมชน และนำสินค้าวิสาหกิจ ขายในปั๊ม สร้างรายได้ให้กับชุมชน ร่วมผลักดันโครงการประชาชารัฐสร้างไทย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยม ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหาร ปตท.เร่งการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ช่วงที่เงินบาทแข็งค่า เพราะถือเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนที่จะมีต้นทุนต่ำลง และเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยให้เงินบาทที่แข็งค่ามากอยู่ในขณะนี้อ่อนค่าลงได้ อีกทั้งการลงทุนขนาดใหญ่จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนไปได้ ซึ่ง ปตท.มีเป้าหมายลงทุนช่วงไตรมาส 4 ประมาณ 30,000 ล้านบาท และในปี 2563 ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 100,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปตท.นับเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ใหม่ที่เน้นการเติบโตไปพร้อมกับสังคมและประเทศไทย ธุรกิจ ปตท.จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ดูแลสังคมและช่วยแก้ปัญหาความยากจน โดยตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำของ ปตท.จะเน้นสร้างไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในภูมิภาคอาเซียน ขณะธุรกิจปลายน้ำของ ปตท.เน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ ปตท.ตั้งร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนในพื้นที่ชุมชนเพิ่มขึ้น และนำสินค้าของชุมชนที่ได้รับคัดเลือกไปจำหน่ายร้าน เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการประชาชารัฐสร้างไทยที่ต้องการให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาชุมชน เกษตรกร และการท่องเที่ยวเข้มแข็งขึ้น รวมทั้งได้มอบนโยบายให้ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เป็นสถานีบริการน้ำมันที่เปิดให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยสามารถจับจองพื้นที่สำหรับวางขายสินค้าของวิสาหกิจชุมชนได้ โดยให้ ปตท.ไปหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
พร้อมกันนี้ ปตท.ยังควรจะช่วยสร้างสถาบันผลิตบุคลากรตามนโยบายของรัฐให้เป็นไปตามทิศทางของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะการฝึกอบรมความรู้เฉพาะด้าน เช่น ธุรกิจร้านกาแฟ คาเฟ่อเมซอน สามารถรองรับบุคลากรด้านบริการได้จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้มากขึ้น
ส่วนโครงการจัดทำปุ๋ยสั่งตัด (ปุ๋ยเคมีแบบที่ผลิตตามชนิดดิน) ที่รัฐบาลมอบหมายให้ ปตท.มาช่วยดำเนินการผลิตและจำหน่ายให้กับเกษตรกรในราคาต้นทุนนั้น ปตท.รายงานว่าจะร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วางระบบการสั่งแม่ปุ๋ยเข้ามาผลิตเป็นปุ๋ยสั่งตัดเพื่อจำหน่ายให้เกษตรกรในต้นทุนต่ำได้ในช่วงปี 2563
ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้รายงานความคืบหน้านโยบายต่างๆที่รัฐบาลมอบหมายรวมถึงผลการดำเนินงานทางธุรกิจ โดยปตท.ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก 3P (People Planet Prosperity) นั่นคือ การทำธุรกิจควบคู่กับการดูแลชุมชนและสังคม (People) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Planet) และเป็นฐานความมั่นคงแก่ภาคเศรษฐกิจและสังคมเติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน (Prosperity)
สำหรับความคืบหน้าผลการศึกษาแนวทางการผลิตปุ๋ยสั่งตัดเพื่อช่วยเหลือด้านต้นทุนให้กับเกษตรกรควบคู่ไปกับใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยและพัฒนาดำเนินการ เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทในพื้นที่นำร่อง 3 ชุมชน ได้แก่ พื้นที่ปลูกข้าว ต.พิมาน จ.นครพนม พื้นที่ปลูกอ้อย ต.ท่ามะนาว จ.ลพบุรี และพื้นที่ปลูกกาแฟ ต.แม่สลองใน จ.เชียงราย
อย่างไรก็ดี ปตท. ยังสนับสนุนการดำเนินงานด้านกิจการเพื่อสังคม ตามกรอบการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติ อาทิ การทุ่มเทพัฒนาการศึกษาอย่างรอบด้าน การสร้างโอกาสในการส่งเสริมทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่านโรงเรียนกำเนิดวิทย์ และสถาบันวิทยสิริเมธี การส่งเสริมและพัฒนาทางกีฬาของเด็กและเยาวชน การส่งเสริมเยาวชนผู้ขาดโอกาสและผู้พิการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ฃ
ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนให้พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนอันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและรายย่อย โดยเข้าร่วมโครงการ “ตลาดไทยเด็ด” เพื่อช่วยเหลือคนในชุมชนและเกษตรกรจากการคัดสรรสินค้าและบริการที่โดดเด่นของภูมิภาคและกลุ่มจังหวัดมาจำหน่ายในสถานที่ที่ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าได้สะดวก สร้างความเข้มแข็งและเพิ่มรายได้ให้คนในท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแกร่ง ปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 107 แห่ง