จีนคุยการค้าสหรัฐฯไม่ได้ตอนนี้
เมื่อวันที่ 9 เม.ย. จีนระบุว่าการพูดคุยการค้ากับสหรัฐฯ เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ภายใต้เงื่อนไขในปัจจุบันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตว่า เขามองเห็นหนทางที่จะยุติความขัดแย้ง
“ ในตอนนี้ ฝ่ายจีนและสหรัฐฯ ไม่สามารถมีการเจรจาเกิดขึ้นได้ในกรณีความขัดแย้งทางการค้า ” เก็งชวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการแถลงข่าว
“ ภายใต้สภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งสองฝ่ายจะมีการเจรจากันในประเด็นนี้ ” เขาเสริม
ก่อนหน้านี้ ตลาดเอเชียมีความกังวลมากขึ้นว่าอาจจะเกิดสงครามการค้าระหว่างทั้งสองประเทศมหาอำนาจ
เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติมอีกมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทางจีนขานรับข่าวนี้อย่างหนักแน่น
แต่เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ดูเหมือนผู้นำสหรัฐฯ จะถอยหลังกลับมา โดยเขาทวีตว่า เขามองเห็นจุดจบของความขัดแย้ง “ จีนจะเอากำแพงที่กั้นอยู่ออกเพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำ ”
อย่างไรก็ตาม จีนยกระดับการโต้กลับรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อวันที่ 9 เม.ย. โดยกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันควรถูกกล่าวโทษว่าเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการค้า
นักวิจัยและสื่อของรัฐบาลจีนรายงานถึงแนวโน้มผลกระทบจากมาตรการทางการค้าที่มีต่อจีน และอธิบายถึงท่าทีของรัฐบาลทรัมป์ในประเด็นการค้าว่าเป็น ‘โรควิตกกังวล’
“ สหรัฐฯ ที่มือหนึ่งก็ถืออาวุธแทรกแซงทางการค้า และในเวลาเดียวกันก็บอกว่ามีความตั้งใจที่จะพูดคุย ผมไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นตัวแทนฝั่งสหรัฐฯ ที่จะทำในเรื่องนี้ ” เก็งกล่าว ความขัดแย้งทางการค้าทั้งหมดเกิดจากการยั่วยุของสหรัฐฯ เขาเสริม
Larry Kudlow ประธานที่ปรึกษา ซึ่งมักจะชี้แนะอยู่บ่อยครั้งว่า ไม่ควรมีการปรับขึ้นภาษี ออกโรงเตือนว่า การประกาศเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ไม่ใช่กลยุทธ์ในการเจรจา
ขณะที่ Steven Mnuchin รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ทำเนียบขาวหวังที่จะมีการเจรจา แต่ยอมรับว่า สงครามการค้าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
รัฐบาลปักกิ่งไม่ต้องการต่อสู้ในสงครามการค้า แต่ก็ไม่กลัวหากจะมีสงครามการค้าเกิดขึ้นจริง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวในการประชุม Boao Forum for Asia ในมณฑลไห่หนานทางตอนใต้ของประเทศจีน
“ ปฏิกิริยาของจีนที่มีต่อการปกป้องบ้านเกิดของชาวอเมริกันของผู้นำสหรัฐฯ เป็นเหมือนกำแพงของการปฏิเสธ ถึงแม้จะมีหลักฐานที่โต้แย้งไม่ได้ว่าจีนมีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและมีการกีดกันทางการค้า ” Peter Narvarro ที่ปรึกษาทำเนียบขาวระบุในรายงานของสื่อไฟแนนเชียลไทม์เมื่อวันที่ 9 เม.ย.
“ อนาคตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีความเสี่ยงจากการที่จีนจู่โจมเทคโนโลยีของอเมริกันและ IP และความเป็นพาณิชย์นิยมที่จะยึดครองอุตสาหกรรมไฮเทคที่กำลังเกิดขึ้น ” เขากล่าว
ทางการจีนปฏิเสธการกล่าวหาทั้งหมด และขานรับการประกาศของทรัมป์ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาด้วยการเสนอภาษีที่สมน้ำสมเนื้อกัน
ยังไม่มีมาตรการทางภาษีใดๆ ที่มีผลบังคับใช้ จึงยังมีความหวังที่อาจจะมีการประนีประนอมและลดเงื่อนไขการเสนอขึ้นภาษีของทั้งสองฝ่ายลง แม้ตอนนี้ทั้งประเทศต่างมีสำนวนโวหารที่แข็งกร้าวปะทะเข้าใส่กันอยู่ก็ตาม.