เเนะใช้เงินกระเป๋า 2 – รับลูก“ชิมช้อปใช้”เฟสใหม่
ผช.รมต.คลังแนะผู้ลงทะเบียนใช้เงินกระเป๋า 2 ร่วมกันฟื้นเศรษฐกิจไทย ได้เงินคืน 15% พร้อมดึงร้านค้าชุมชนร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 2” ร่วมสร้างเศรษฐกิจฐานราก ฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ
แม้ภาพรวมการลงทะเบียนตามมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” เพิ่มเติมจนเต็ม 10 ล้านคน จะผ่านพ้นไปตั้งแต่เวลา 01.31 น.ของวันเสาร์ที่ 5 ต.ค. (คืนวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.) แต่เนื้อในแล้ว เชื่อว่าจะมี “เศษเหลือ” ของผู้ที่ลงทะเบียนแล้วแต่ไม่ได้รับสิทธิ์ เนื่องจากผิดเงื่อนไขหรือให้ข้อมูลไม่ถูกต้องอีกจำนวนหนึ่ง ที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการให้ครบเต็มจำนวน ก่อนจะเปิดเฟส 2 ในเร็ววันนี้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ต.ค.62 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผช.รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) พร้อม น.ส.วิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง, นายยรรยง ลิ้มพาณิชย์ ผอ.ฝ่ายสายงานเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กเเละรายย่อย ธนาคารกรุงไทย, นางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผอ.ฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย (ททท.) เดินทางไปยังตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ ร้านค้ารายย่อย ที่เข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ รับฟังปัญหาเเละรณรงค์ร้านค้าสมัครร่วมโครงการเพิ่ม หลังจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ททท. และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทั้ง ธ.ก.ส. ออมสิน ร่วมกับขับเศรษฐกิจไตรมาส 4 ช่วงปลายปี
นายชาญกฤช กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนใช้จ่ายเงินผ่านแอ็ป “เป๋าตัง” ได้คล่องเเละเข้าใจระบบมากขึ้น ขณะที่ร้านค้ารับชำระเงินได้สะดวกมากขึ้น ไม่ต้องทอน และมียอดขายเพิ่มขึ้นในแหล่งท่องเที่ยว ตลาดนัดสำคัญในจังหวัดรอบปริมณฑล ซึ่งการใช้จ่ายส่วนใหญ่ยังเน้นใช้เงินในกระเป๋า 1 เห็นได้จากการใช้เงิน “ชิมช้อปใช้” สัปดาห์แรกเริ่มต้นใช้จ่าย 1.3 ล้านคน ยอดสะพัดกว่า 1.1 พันล้านบาท กระทรวงการคลังจึงต้องการรณรงค์ให้ร้านค้ารายย่อยทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตลาดทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมโครงการให้มากขึ้น พื้นที่ไหนยังไม่เข้าใจว่าเข้าร่วมอย่างไร ให้สอบถามเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทยได้ทุกสาขา และจะให้ธนาคารกรุงไทยส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เปิดให้ร้านค้ารายย่อยสมัครเข้าร่วมโครงการให้ทั่วถึงมากขึ้น
นอกจากนี้ อยากประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเติมเงินเข้าไปในแอ็ป “เป๋าตัง กระเป๋า 2” เพื่อใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 170,000 ร้านค้าทั่วทั้งประเทศ ได้ถึงสิ้นเดือน พ.ย. 62 อีกทั้งยังได้รับส่วนลดในการจับจ่ายใช้สอยสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ เพื่อรับเงินคืน “เป๋าตัง” สูงสุด 4,500 บาท หากเติมเงินเข้าบัญชี 30,000 บาท
“กระทรวงการคลังยังเตรียมพร้อมขยายโครงการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 ให้ครอบคลุมไปยังเศรษฐกิจชุมชนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเฟสแรก ธ.กรุงไทยเน้นลูกค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.7 แสนราย หากลูกค้าของ ธ.ออมสิน และ ธ.ก.ส. เข้ามาร่วมโครงการเพิ่มเติม จะมีเครือข่ายร้านค้าเพิ่มอีกกว่าแสนราย เพื่อให้มีส่วนร่วมเเละเชื่อมโยงกับเครือข่ายโครงการประชารัฐสร้างไทย” นายชาญกฤช ระบุ และว่า
สำหรับโครงการชิมช้อปใช้ เฟส 2 เตรียมให้ ธ.กรุงไทยปรับระบบเวลาในการลงทะเบียน เพราะการลงทะเบียนเดิม ประชาชนต้องตื่นมาลงทะเบียนเวลาตี 1-ตี 3 ยอมรับว่าทำให้ผู้สนใจลงทะเบียนลำบากต้องนอนดึก รัฐบาลจึงเห็นใจอย่างมาก และต้องการศึกษาแนวทางเพิ่มเติมอีกหลายด้าน
รวมทั้งการเชื่อมโยงมาตรการ “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเปิดโอกาสให้คนเข้ามาลงทะเบียนเพิ่มมากขึ้นจากเดิม กำหนดไว้ 10 ล้านคน จะเกิดแรงขับเคลื่อนได้อีกมาก จึงต้องส่งคณะทำงานลงพื้นที่ ทั้ง “หมอคลัง” และคณะทำงานชุดต่างๆ ส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งรองรับปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
“กระทรวงการคลังต้องการให้ คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด (คบจ.) เป็นกำลังหลักขับเคลื่อนให้มากขึ้น ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบก้าวหน้า และจัดทำเป็นพื้นที่ทุกภาค ทุกจังหวัด” นายชาญกฤช ย้ำ
ด้าน วิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกเริ่มใช้จ่ายมีประชาชนใช้จ่าย 1.024 ล้านคน วงเงินใช้จ่าย 1,143 ล้านบาท แบ่งเป็นกระเป๋า 1 ยอดเงิน 1,130 ล้านบาท กระเป๋า 2 ยอดเงิน 13 ล้านบาท โดยจังหวัดสมุทรปราการมียอดใช้จ่ายอันดับ 3 ของประเทศ
ทั้งนี้ หลังจากได้เปิดให้ประชาชนอีก 2 แสนราย ลงทะเบียนเมื่อเช้าที่ผ่านมา ปรากฎว่ายอดเต็มอย่างรวดเร็ว ขอให้รอ SMS ส่งเข้ามาในระบบภายใน 3 วันทำการ และยังสามารถตรวจสอบได้จาก www.ชิมช้อปใช้.com. หลังจากนี้คาดการณ์ว่าจะมีชาวบ้านต้องลงทะเบียนเก็บตกเฉลี่ย 1 แสนคนต่อวัน นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยเปิดทำการสาขาจำนวน 429 สาขาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ จัดให้มีรถเคลื่อนที่เข้าไปในชุมชนเพื่ออำนวยความสะดวกในการยืนยันตัวตนสำหรับการติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แก่ประชาชนด้วย.