MTR ปิดให้บริการทั่วฮ่องกงหลังประท้วงรุนแรง
ฮ่องกง : เมื่อวันที่ 5 ต.ค. มีการระงับการให้บริการรถไฟทั้งหมดในฮ่องกง รวมทั้งเส้นทางไปสนามบิน จากข้อมูลของบริษัทผู้ให้บริการระบบราง หลังจากเกิดการปะทะรุนแรงระหว่างตำรวจและผู้ประท้วงที่ทำให้สถานีรถไฟใต้ดินพังเสียหาย
“ บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ( MTR) ทั้งหมด รวมถึง Heavy Rail , Airport Express , Light Rail และรถบัส MTR จะไม่สามารถให้บริการได้ในเช้าวันนี้” MTR Corporation ระบุในแถลงการณ์
“ หลังจากเกิดเหตุความรุนแรงในหลายเขต เจ้าหน้าที่ผู้ให้การซ่อมบำรุงต้องแน่ใจถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อนที่จะเดินทางไปที่สถานีที่ถูกทำลายเพื่อทำการตรวจสอบ และประเมินความเสียหายที่สถานีของเรา และดำเนินการซ่อมแซม” แถลงการณ์ระบุ โดยเสริมว่าจะมีการทบทวนการเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 6 ต.ค.
มีการระงับการให้บริการรถไฟทั้งหมดในวันที่ 4 ต.ค.เนื่องจากเกิดเหตุประท้วงรุนแรงอีกครั้งหลังรัฐบาลประกาศใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉินห้ามสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าในที่สาธารณะ โดยกฎหมายนี้ไม่ได้มีการใช้มานานกว่าครึ่งศตรวรรษ
โดยจุดประสงค์ของการห้ามสวมหน้ากากของรัฐคือเพื่อเป็นการปราบปรามเหตุความไม่สงบที่เกิดมานานถึง 4 เดือน แต่กลับกลายเป็นการจุดชนวนให้มีการประท้วงรุนแรงยิ่งขึ้น
และมีการปะทะกับตำรวจหลายพื้นที่ มีรายงานล่าสุดว่าผู้ประท้วงซึ่งเป็นเด็กชายวัย 14 ปีถูกยิงและได้รับบาดเจ็บ
แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงระบุว่า คำสั่งภายใต้กฎหมายภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกฎหมายในยุคอาณานิคม ทำให้เธอมีอำนาจพิเศษสามารถออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายเพิ่มเติมในช่วงเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือมีอันตรายกับประชาชนได้
“ เราเชื่อว่ากฎหมายใหม่จะสร้างผลกระทบกับผู้ประท้วงหัวรุนแรงที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าและผู้ก่อเหตุจลาจล และเป็นการช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมาย” เธอระบุเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากจีนและผู้นำฮ่องกงใช้มาตรการเข้มงวด การประท้วงยิ่งรุนแรงมากขึ้นและมีการเรียกร้องเสรีภาพเพื่อประชาธิปไตยและให้มีการตรวจสอบปฏิบัติการของตำรวจ
ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และเป็นการปกป้องตัวเองจากแก๊สน้ำตา
คำสั่งห้ามนี้มีขึ้นหลังจากเกิดเหตุรุนแรงที่สุดในการปะทะของปีนี้ ในวันเดียวกันกับที่จีนฉลองครบรอบ 70 ปีของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ในระหว่างการปะทะ ตำรวจนายหนึ่งยิงผู้ประท้วงวัย 18 ปีเข้าที่ไหล่ นับเป็นการยิงใส่ผู้ประท้วงของตำรวจเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มมีการประท้วงเดือนมิ.ย.
กฎหมายใหม่เป็นการขู่ผู้ประท้วงที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าในการประท้วงว่าจะต้องรับโทษจำคุกถึง 1 ปี
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในผู้ประท้วงที่มาร่วมอยู่ในเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ชี้ว่าการห้ามสวมหน้ากากไม่ช่วยแก้ปัญหา
“ คนหนุ่มสาวยอมเสี่ยงชีวิตของพวกเขา” พนักงงานออฟฟิศวัย 34 ปีที่สวมหน้ากากกันแก๊สพิษ ซึ่งระบุว่าชื่อแมรี กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อ AFP
“ พวกเขาไม่สนว่าจะต้องติดคุกนานถึง 10 ปี ดังนั้น การสวมหน้ากากไม่ใช่ปัญหา”.