คปภ.จี้จ่ายสินไหมฯคนตายเคสท์เจ้าคุณอลงกรณ์
คปภ.จี้บริษัทประกันเร่งรัดการจ่ายสินไหมเพื่อเยียวยาความสูญเสียโดยเร็ว “คนตาย-บาดเจ็บ” กรณีอุบัติ รถตู้ “เจ้าคุณอลงกรณ์” เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุชนรถกระบะดับ 2 ศพที่ลพบุรี
กรณีรถตู้ของเจ้าคุณอลงกต เจ้าอาวาส วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี หมายเลขทะเบียน ฮบ 9830 กรุงเทพมหานคร ประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บก 7145 ลพบุรี บริเวณ ถ.พหลโยธิน กม.179-180 ม.3 ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิด เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่า ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับ สำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) ซึ่งกำกับดูแล สำนักงาน คปภ. จ.ลพบุรี ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัยพร้อมเร่งอำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้ประสบภัย ตลอดจนติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจาก สำนักงาน คปภ. จ.ลพบุรี ว่า รถตู้คันดังกล่าว ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ และยังไม่สิ้นสุดความคุ้มครอง (วันที่ 13 พ.ค.62) โดยกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวร ได้รับเงินฯ 300,000 บาทต่อคน กรณีความเสียหายต่อร่างกายหรืออนามัย 80,000 บาทต่อคน กรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน
นอกจากนี้ ได้ตรวจสอบพบว่ารถยนต์ตู้คันดังกล่าวทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 1 ไว้กับบริษัทเดียวกัน ให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ความเสียหายต่อชีวิต ร่ายกาย หรืออนามัย เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. จำนวน 500,000 บาทต่อคน รวมแล้วไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง) ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 2,500,000บาทต่อครั้ง สำหรับความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย (ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล) กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร ผู้ขับขี่ 1 คน 100,000 บาท ผู้โดยสาร 11 คน 100,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาทต่อคน การประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาทต่อครั้ง ในส่วนของรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บก 7145 ลพบุรี ได้ทำ พ.ร.บ. ไว้กับ บมจ.ไทยศรีประกันภัย สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 7 พ.ค.63 เบื้องต้นตรวจสอบไม่พบข้อมูลการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
สำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย และผู้บาดเจ็บ 1 รายนั้น ได้สั่งการให้ประสานกับบริษัทประกันภัยดังกล่าวเพื่อเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้บาดเจ็บและทายาทผู้สูญเสียแล้ว โดยบริษัทประกันภัยได้ติดต่อกับทายาทของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายแล้ว และจะเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยโดยด่วนต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารประกอบการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ส่วนผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือ ท่านเจ้าคุณอลงกต สำนักงาน คปภ. จ.ลพบุรี ได้แจ้งสิทธิค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยให้กับ รพ.พระนารายณ์มหาราช ได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะได้เร่งติดตามให้มีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิดังกล่าวโดยเร็ว
ดังนั้น ในเบื้องต้นจากกรณีเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยาจากระบบประกันภัย 300,000 บาท ส่วนผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ที่เสียชีวิต จะได้รับการเยียวยาเบื้องต้น 35,000 บาท เนื่องจากต้องรอผลคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูกหรือผิด ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นผู้โดยสาร จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 80,000 บาท ตามสิทธิของประกันภัย (พ.ร.บ.) และค่ารักษาพยาบาลตามความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล (ประกันภัยภาคสมัครใจ) 100,000 บาท นอกจากนี้ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบอุบัติเหตุมีการทำประกันภัยประเภทอื่นๆ เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิต กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุประเภทอื่นๆ ก็จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้อีกด้วย
“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชน ควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะเส้นทางการจราจรที่ไม่คุ้นเคย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้น รวมทั้ง เตรียมสภาพร่างกายให้มีความพร้อมในระหว่างการใช้รถใช้ถนนและหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งควรทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและประกันชีวิตอื่นๆ ด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัย จะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. ย้ำในตอนท้าย.