ตัดไฟแต่ต้นลม เบรคตั้ง ศูนย์ปราบโกงประชามติ
วุ่นวายนิดๆ เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอความร่วมมือไม่ให้ “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.)” ตั้ง “ศูนย์ปราบโกงการทำประชามติ” ที่ฐานบัญชาการอิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยก่อนเริ่มฤกษ์ตัดริบบิ้น มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจ เข้าพูดคุยกับ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้มีการเปิดศูนย์ดังกล่าว โดยให้เหตุผลกับคนเสื้อแดงว่าผู้บังคับบัญชาการขอความร่วมมือ
ทำให้ “แกนนำแดง” ถึงกับปรี๊ดแตก ลมออกหู โดยยกคำพูดของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าสามารถเปิดศูนย์ฯได้ เพราะไม่ต้องการให้มีการโกงเกิดขึ้น และรัฐบาลพร้อมดูแลให้ความร่วมมือเรื่องนี้อย่างเต็มที่
“ผมขอฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ การรักษาคำพูดเป็นเรื่องสำคัญนายกฯ เป็นรัฎฐาธิปัตย์ หากกลับคำก็เหมือนกับถ่มน้ำลายแล้วเลียกลับ ย่อมสร้างความเสื่อมเสีย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็อนุญาตให้ทำได้ แต่พอเอาจริงจิตใจขี้หมา และหากห้ามแถลงเปิดศูนย์จะเป็นเรื่องใหญ่กว่าการแถลง เพราะมีทั้งสื่อไทย สื่อนอกติดตามอยู่ ดังนั้นอย่ามีเรื่องกัน การทำแบบนี้เท่ากับทำลายเกียรติภูมิของนายกฯ”
นอกจากนี้ “จตุพร พรหมพันธุ์” ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า
“ผมชักจะเชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จะมีการเลื่อนการลงประชามติ ดังนั้นผมต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดออกมาให้ชัดเจนว่า ต้องการให้มี หรือต้องการล้มประชามติ ต้องการอยู่ยาวหรือไม่ต้องการอยู่ในอำนาจแล้ว ระหว่าง นปช.กับ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และการตั้งศูนย์ปราบโกงครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อล้ม คสช. เมื่อไหร่ที่ นปช.ต้องการล้ม คสช.จะแจ้งให้ทราบก่อนอย่างแน่นอน”
เท่านั้นยังไม่พอ แกนนำรุ่นพี่อย่าง “ไข่มุกดำ – วีระกานต์ มุสิกพงศ์” สำทับว่า“หากพล.อ.ประยุทธ์ จะล้มประชามติ ผมในฐานะกัลยาณมิตรคนหนึ่งอยากขอร้องว่าอย่าทำแบบนั้นเลย เพราะอำนาจที่มีอยู่เป็นการครองอยู่บนตะแลงแกงจะนอนก็นอนไม่หลับ หลับก็ฝันร้าย ดังนั้นขอให้แก้ปัญหาเดินตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตย”
และจากนั้นฝ่ายความมั่นคงที่รับฟังอารมณ์ของแกนนำนปช. ก็ออกมาตอบโต้แบบทันท่วงที
“พ.อ.วินธัย สุวารี” โฆษกคสช. ยืนยันว่า “การตั้งศูนย์ปราบโกงฯ ภาพที่ออกมาจะเห็นว่าบุคคลที่ไปร่วม จะทำให้สังคมเกิดความสับสนหรือไม่ว่าเป็นการขับเคลื่อนทางการเมือง ทั้งที่ปัจจุบันได้มีหน่วยงานภาครัฐดูแลรับผิดชอบในเรื่องของการแจ้งเบาะแสของการโกงประชามติอยู่แล้ว ทำไมต้องตั้งศูนย์ฯ ขึ้นมาอีก และถ้าทุกคนขอดำเนินจัดกิจกรรมแบบนี้ทั้งหมด จึงคิดว่ายังไม่เหมาะสมในช่วงเวลานี้ เพราะไม่อยากให้บรรยากาศการเริ่มต้นในเชิงหวาดระแวง จนกระทั่งเกินสภาพความเป็นจริงทำให้บรรยากาศดูน่ากลัว”
แน่นอนว่าการเลือกใช้ไม้แข็ง ของคสช. เป็นการเดินยุทธศาสตร์ตามนโยบายความมั่นคง ที่หวังคุมกลุ่มต่อต้านที่กระแสหนึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจปฏิบัติการแบบ “ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” แต่อีกกระแสหนึ่งไม่ค่อยจะเป็นผลดีกับรัฐบาลและคสช.สักเท่าไร
ซ้ำจะเป็นตัวเร่งเร้ากระแสปลุกอารมณ์คนเสื้อแดง ที่มองได้ว่าเป็นการเติมเชื้อความขัดแย้งที่มีทุนเดิมอยู่แล้วให้เพิ่มขึ้นไปอีกรอบ
ในขณะที่คสช.กำลังสร้างให้เห็นความพยามปูในการพรมคลายกฎเหล็กทีละเปาะ ทีละเปาะ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านดีให้ “คสช.” ที่อาจจะเสียของ เพราะภาพที่ออกมายังคงสะท้อนการปิดกั้นฝ่ายคัดค้าน ไม่ให้จัดกิจกรรมและแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่เป็นสาธารณะอย่างประเด็นประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ซึ่งจะสะเทือนไปถึง บรรยากาศการความปรองดอง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของโรดแมพ
แต่กระนั้น ถ้ามองทะลุให้ถึงกึ๋น อย่าลืมมองประเด็นที่เกี่ยวกับยุทธวิธีในการบริหารมวลชน ที่ไม่ว่านักการเมืองและกลุ่มการเมืองไหนไหน ก็ชอบจะงัดมาใช้เพื่อบริหารฐานเสียงและมวลชน เป็นการเช็คเรทติ้งและแนวรบไปในตัว ไม่งั้นเดี๋ยวจะลืมหน้ากัน.