‘สี’ พูดวันชาติจีน “ ไม่มีใครหยุดจีนได้ ”
ปักกิ่ง – เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนกล่าวสุนทรพจน์ว่า ไม่มีประเทศใด หรืออำนาจใดจะสามารถหยุดยั้งความก้าวหน้าของประชาชนชาวจีนและประเทศจีนได้ ในพิธีเฉลิมฉลองการสถาปนาชาติโดยมีขบวนพาเหรดของกองทัพจีนที่มีจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของระบอบคอมมิวนิสต์จีน
มีการปิดถนนหลายสายรอบจตุรัสเทียนอันเหมิตลอดทั้งคืนขณะที่รถถังมุ่งหน้าเข้ามาร่วมขบวนพาเหรด โดยมีการแจ้งให้ผู้สื่อข่าวมารวมตัวกันที่ศูนย์ข่าวทางตะวันตกของพระราชวังต้องห้ามในเวลา 04.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นเพื่อให้รถบัสโดยสารมารับเข้าไปในจตุรัส
อุณหภูมิประมาณ 17 องศาเซลเซียส แต่ตัวเลขของ Air Quality Index พุ่งสูงถึง 147 สำนักสภาพแวดล้อมเตือนว่า ยังคงมีหมอกควันปกคลุมจีนในวันฉลองการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนครบรอบ 70 ปี
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าพิธีเปิดจะเริ่มต้นขึ้น ยังคงมีการซ้อมการเดินพาเหรดให้พร้อมเพรียงกันของบรรดาทหารอยู่บนถนนสายหลักคือถนนฉางอานที่อยู่ระหว่างพระราชวังต้องห้ามและจตุรัสเทียนอันเหมิน
มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากมาประจำการอยู่ในยามค่ำคืน ขณะที่โทรทัศน์หลายช่องพากันมาปักหลักรอบจตุรัส ขณะที่ชาวจีนหลายคนอยากชมขบวนพาเหรดมาก
หลี่ซูกวง วัย 29 ปี ซึ่งทำงานในอุตสาหกรรมความมั่นคงระบุว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าชมขบวนพาเหรด
“ ขบวนพาเหรดในปี 2558 ( ซึ่งเป็นพิธีรำลึกถึงการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ครบ 70 ปี) เครื่องบินผ่านบ้านผม และผมตื่นเต้นมาก แต่การได้เข้ามาชมในวันนี้มันยิ่งดีขึ้นอีก”
พรรคคอมมิวนิสต์ภายใต้การนำของเหมาเจ๋อตุงเริ่มมีอำนาจในปี 2492 หลังจากมีชัยเหนือพรรค Nationalist ในสงครามกลางเมืองที่ขมขื่น
ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา จีนเปลี่ยนผ่านจากประเทศยากจนข้นแค้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
จีนต้องการใช้โอกาสนี้ในการสร้างภาพลักษณ์ที่ทรงอิทธิพล และส่งสารถึงคู่แข่งว่าอย่ามาล้อเล่นกับจีน
ในการกล่าวเมื่อคืนวันที่ 30 ก.ย. ประธานาธิบดีสีระบุว่า การรวมชาติกับไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นมณฑลหนึ่งของจีน เป็น “แนวโน้มที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน”
“ ไม่มีผู้ใด และไม่มีกำลังทหารจากกองทัพใดจะหยุดยั้งเราได้” ประธานาธิบดีสีกล่าว โดยเขาเตือนว่า กำลังทหารเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อดึงไต้หวันกลับมารวมกับจีน
การเฉลิมฉลองในวันที่ 1 ต.ค. ยังรวมถึงงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ในช่วงค่ำและจบลงด้วยการแสดงพลุดอกไม้ไฟอลังการ.