เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป สร้างตลาดทางเลือกใหม่ของกลุ่มคนรักหนัง
ครั้งแรกในไทยเปิดให้บริการ“MOVIE ON DEMAND”เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทำการตลาดทางเลือกใหม่เน้นเจาะลึกความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะกลุ่มอย่างตรงจุด ครั้งแรกในประเทศไทยเปิดให้บริการใหม่ล่าสุด “Movie On Demand” ถือเป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกในไทยที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้โหวตเลือกชมภาพยนตร์ที่ออกจากโปรแกรมฉายไปแล้ว
ด้วยการเปิดโหวตแล้วนำกลับมาฉายใหม่ให้ชมกันอีกครั้งตามความต้องการ หวังขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรักหนังและยังเป็นการช่วยเพิ่ม Admission ได้อีกด้วย
นรุตม์ เจียรสนอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่านโยบายการตลาดของบริษัทฯ จะโฟกัสทำการตลาดแบบ Segmentation มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม เนื่องจากลูกค้าของโรงภาพยนตร์เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลาย ทั้ง กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มคนทำงาน และกลุ่มครอบครัว ปัจจุบันยังเพิ่มในส่วนของ กลุ่มเด็ก และกลุ่มผู้สูงอายุ มากขึ้นอีกด้วย ซึ่ง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกในประเทศไทยที่มีฐานกลุ่มสมาชิกบัตร M Generation รวมทั้งสิ้น 4,496,403 ราย แบ่งตามกลุ่มดังนี้
– M Gen Regular 2,326,647 ราย (กลุ่มลูกค้าทั่วไป อายุระหว่าง 24-60 ปี)
– M Gen Student 1,785,015 ราย (กลุ่มนักเรียน นักศึกษา อายุระหว่าง 13-23 ปี)
– M Gen Kids 282,235 ราย (กลุ่มเด็ก อายุต่ำกว่า 13 ปี)
– M Gen Freedom 102,506 ราย (กลุ่มผู้สูงอายุ อายุมากกว่า 60 ปี)
นอกจากนี้ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ยังได้สร้างตลาดทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้ากลุ่มเด็ก ด้วยการเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก Kodomo Kids Cinema ที่ เมกา ซีนีเพล็กซ์ บางนา ไปเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มเด็กและครอบครัวเป็นอย่างมาก
ล่าสุดเปิดให้บริการ “Movie On Demand” การสร้างตลาดทางเลือกใหม่ของกลุ่มคนรักหนัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “หนังทางเลือกใหม่…ตามใจคุณ” ซึ่งเป็นครั้งแรกของโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้โหวตเลือกชมภาพยนตร์ที่ออกจากโปรแกรมฉายไปแล้วที่ต้องการชม ผ่านเว็บไซต์http://www.majorcineplex.com/movieondemand/homepage ซึ่งเป็นบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ผู้ใช้บริการจะสามารถกำหนดความต้องการในการชมภาพยนตร์ของตนเองได้ โดยการกดโหวตภาพยนตร์ที่ต้องการชม สาขา และรอบฉายที่ตนเองต้องการ เมื่อโหวตครบ 100 โหวตในแต่ละเรื่อง ภาพยนตร์ที่ลูกค้าเลือก
จะถูกนำกลับมาฉายใหม่ใน สาขา วันที่ และรอบเวลาฉายที่ลูกค้าต้องการ โดยมีประเภทภาพยนตร์ให้เลือกโหวต 5 ประเภท คือ Wining-Award Movies หนังรางวัล, Recommended Movies หนังแนะนำ, Hollywood หนังฮอลลีวู้ด, Thai หนังไทย, Asian หนังเอเชีย ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีน โดยจะเริ่มเปิดให้บริการในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ลูกค้าสามารถรับชมภาพยนตร์ได้ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป รวม 24 สาขา เป็นสาขาในกรุงเทพฯ 17 สาขา (พารากอน ซีนีเพล็กซ์, ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต, เมกา ซีนีเพล็กซ์, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดา และงามวงศ์วาน-แคราย, อีสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์, เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์, ซีคอน ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี ซีคอน บางแค, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต, ฟิวเจอร์ รังสิต, รัชโยธิน, พระราม 2, พระราม 3, ปิ่นเกล้า, บางกะปิ, แฟชั่น ไอส์แลนด์) และต่างจังหวัด 7 สาขา(โคราช ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล อุบลราชธานี,เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ อุดรธานี, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล ระยอง และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ อยุธยา ซิตี้ พาร์ค)
พิเศษ…ลูกค้าที่ซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในรอบของ มูวี่ ออน ดีมานต์ ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน – 30 กันยายน 2561 รับฟรี…ป๊อปคอร์นขนาด 46 ออนซ์ มูลค่า 40 บาท
นายนรุตม์ กล่าวว่า มูวี่ ออน ดีมานต์ จะเป็นหนังทางเลือกใหม่ตามใจคุณสำหรับกลุ่มลูกค้าที่รักการชมภาพยนตร์ ที่ผ่านมาอาจติดปัญหาเรื่องเวลาที่ไม่สะดวกมาดู หรือพลาดดูไม่ทัน ในช่วงที่มีโปรแกรมฉาย แต่ยังมีความต้องการอยากชมภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ ในโรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มองเห็นความต้องการของลูกค้าที่อยากมีโอกาสกลับมาชมในโรงภาพยนตร์ ซึ่งได้อรรถรสความบันเทิงมากกว่าการชมที่บ้าน จึงคาดว่า มูวี่ ออน ดีมานต์ จะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรักหนังให้เพิ่มขึ้น และยังสามารถช่วยเพิ่ม Admission ได้อีกด้วย ซึ่งการทำการตลาดในปัจจุบัน ต้องมีความรวดเร็ว ปรับได้ทันตามความต้องการ และยิ่งสามารถสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าและขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งการตลาดแบบSegmentation จะตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีสาขารวมทั้งสิ้น 141 สาขา 733 โรง 166,444 ที่นั่ง เป็นสาขาในประเทศไทย 135 สาขา 705 โรง 159,257 ที่นั่ง (แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 41 สาขา 333 โรง 75,522 ที่นั่ง ต่างจังหวัด 94 สาขา 367 โรง 83,735 ที่นั่ง) และต่างประเทศ 6 สาขา 33 โรง 7,187 ที่นั่ง (แบ่งเป็นประเทศกัมพูชา 4 สาขา 24 โรง, ประเทศลาว 2 สาขา 9 โรง).