โบรกฯจีนหวังผ่อนLTVดึงต่างชาติซื้ออสังหาฯไทย
“แองเจิล เรียลเอสเตท” ชี้ตลาดอสังหาฯครึ่งแรกปี 62 ชะลอตัว หลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจผันผวน เกณฑ์LTV เงินบาทแข็งค่ากว่า 25% กระทบกับตลาดที่อยู่ราคา 3-5 ล้านบาท โชว์ 7 เดือน ระบายคอนโดฯได้กว่า 1,000 ยูนิต
นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการ บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด หรือ ARE บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะโควตาต่างประเทศ (Foreign Quota ) มียอดขายลูกค้าต่างชาติที่ผ่านการทำธุรกรรมกับบริษัทกว่า 20,000-30,000 ล้านบาท กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งแรกของปี 2562 ว่า อยู่ภาวะทรงตัว โดยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทย การออกมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) กระทบถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ทำให้มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งสินค้าระดับ 3 ล้านบาทจะได้รับผลกระทบ และมียอดไม่อนุมัติสินเชื่อ(รีเจกต์เรต) สูงถึง 70% กลุ่มสินค้าระดับราคา 5 ล้านบาท อยู่ที่ 50% ส่วนระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
“ เรามองว่า สินค้าระดับ 3-5 ล้านบาท ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ยอดขายของผู้ประกอบการไม่เข้าเป้า ทำให้เกิดสต๊อกคงค้างในระบบกว่า 100,000 ยูนิต โดยเราห่วงในทำเลสายสีม่วง หรือแม้เส้นสุขุมวิทแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่มีสินค้าเป็นจำนวนมาก และยังเป็นกลุ่มที่มีราคาค่อนข้างสูงด้วย อันเป็นผลมาจากต้นทุนราคาที่ดิน โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯราคาแพงเกินถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา ”
สำหรับตลาดลูกค้าที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยนั้น ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนเติบโตอย่างมาก แต่ปัจจุบัน ตลาดเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากเจอผลกระทบจากสงครามการค้า เงินบาทแข็งค่าถึง 25% เงินหยวนอ่อน รวมถึงกลุ่มประท้วงในประเทศฮ่องกง และปัจจัยภายในเรื่องของสินค้าคอนโดฯที่เกิดภาวะล้นตลาด การตั้งราคาแพงเกินไป ทำให้ส่วนต่างราคาอสังหาฯได้ไม่ถึง 20% ผลกำไรจากการเช่าก่อนหักภาษี 3-4% เท่านั้น ทำให้นักลงทุนทั้งชาวจีนและต่างชาติที่สนใจลงทุนในประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา หดตัวลงอย่างชัดเจน
“จากประสบการณ์บริหารงานขายอสังหาฯทั่วโลก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ ในการขายอสังหาฯ ที่จะดึงนักลงทุนต่างประเทศให้หันกลับมามองประเทศไทย คือ ธุรกิจเช่าแบบระยะสั้น ที่ปัจจุบันกฎหมายในไทยไม่อนุญาตให้ประกอบกิจการ แต่การจะหาผู้เช่าระยะยาว ก็ลำบาก มีปริมาณไม่มาก แต่ในประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น กัมพูชา ตุรกี ไซปรัส กรีก และกลุ่มประเทศทางยุโรปอื่นๆ สามารถเช่าระยะสั้นได้ และให้ยิลด์ที่ดีกว่าการเช่าระยะ “
ด้านแผนธุรกิจของบริษัทฯ จะรุกตลาดอสังหาฯในญี่ปุ่น กัมพูชา และตุรกี ล่าสุด ได้ไปลงทุนซื้อบ้านเดี่ยวและโครงการคอนโดมิเนียม เพื่อปล่อยเช่าและขายให้กับลูกค้าที่สนใจ โดยผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมียอดขายคอนโดฯ 1,500 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 3 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มียอดการขายคอนโดฯรวมกว่า 1,000 ยูนิต.