อสังหาฯ ครึ่งปียอดขายติดลบ13%วอนผ่อนLTV
ครึ่งปีแรกอสังหาฯ อาการทรุดหนัก ติดลบ 13% วอนรัฐฯ ผ่อนเกณฑ์”แอลทีวี” กระตุ้นกำลังซื้อครึ่งปีหลัง บิ๊ก”พฤกษา” เผยต้องรื้อแผนธุรกิจใหม่ ลดทั้งกระดาน ทั้งเป้าเปิดโครงการ ยอดขาย รายได้ลง
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในครึ่งแรกของปี 2562 (ม.ค.-มิ.ย.62) ว่า ตลาดเกิดการชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อใหม่ หรือ LTV และปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่ส่งผลให้กำลังซื้อลูกค้า และการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน รวมถึงผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศษรฐกิจ โดยตัวเลขมูลค่าเปิดโครงการช่วงครึ่งปีอยู่ที่ 99,841ล้านบาท หดตัวลงประมาณ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 107,942 ล้านบาท ขณะที่การขายมีมูลค่าขายรวมที่ 200,650 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับมูลค่า 231,547 ล้านบาท ส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ พบว่า ช่วง 2 เดือนแรกหลังการประกาศใช้มาตรการ LTV (เม.ย.-พ.ค. 62 )มียอดโอนอยู่ที่ 41,906 ล้านบาท ลดลงถึง 24%
“แบงก์ชาติ ยังได้ส่งสัญญาณการออกเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อรายย่อย หรือ DSR ยิ่้งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและตลาดในครึ่งปีหลังและต่อเนื่องถึงปี 2563 แม้ว่า ที่ผ่านมา จะเข้าใจว่า เกณฑ์ LTV มีเป้าเพื่อควบคุมกลุ่มนักเก็งกำไรและนักลงทุน ที่จะอาจจะก่อให้เกิดฟองสบู่ในอนาคต แต่เกณฑ์ของแบงก์ชาติ ได้มีผลต่อกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง ซึ่งเป็นกลุ่มกำลังซื้อจริง ที่มีส่วนแบ่งตลาดรวมถึง40% ทำให้ตลาดหดตัวแรง หากรัฐบาลผ่อนมาตรการ และเร่งออกนโยบายกระตุ้นตลาดครึ่งหลังของปีนี้ เชื่อว่าจะช่วยให้ตลาดอสังหาฯกลับมาขยายตัว” นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท -ทาวน์เฮ้าส์ กล่าวเสริม
นางสุพัตรา กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทต้องปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยจะเปิดใหม่เพียง 26 โครงการ มูลค่า 26,952 ล้านบาท เมื่อนับรวมกับ 14 โครงการที่ลงทุนไปแล้ว จะทำให้ตลอดทั้งปีมีโครงการที่เปิดตัวเพียง 40 โครงการ มูลค่ารวม 47,444 ล้านบาท จากเป้า 55โครงการ มูลค่า 68,100 ล้านบาท ลดเป้ายอดขายทั้งปีเหลือ 50,000 ล้านบาท ลดลง 4,000 ล้านบาท และตัวเลขรายได้ปรับลงมาอยู่ที่ 47,000 ล้านบาท ลดลง 2,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62นี้ มียอดขายรวม12,277 ล้านบาท เติบโต 5.1% ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขาย 23,368 ล้านบาท ลดลง 4.1% เมื่อเทียบกับยอดขาย 24,376 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 19,662 ล้านบาท เติบโต 3% และสามารถทำกำไรที่ 2,618 ล้านบาท เติบโต 8% ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ในมือแล้ว 36,938 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 17,435 ล้านบาท.