ลาวจี้ผุดสะพานข้ามโขงอนุรักษ์มรดกโลก
ทางการลาวหวั่น “หลวงพระบาง” โตเร็วเกินควบคุม กระทบวิถีชีวิตชาวบ้าน และ “เมืองมรดกโลก” วอนรัฐบาลไทย และ NEDA เร่งสร้างสะพานข้ามโขง หวังขยายผังเมืองทางฝั่งเมืองจอมเพชร รักษา“ไข่แดง” ความเป็นเมืองเก่า เผยระหว่างนี้ พร้อมคุมเข้มพฤติกรรมและธุรกิจต่างชาติที่ขัดวัฒนธรรมดีงาม
นายวงสะหวัน เทพะจัน รองเจ้าแขวงหลวงพระบาง กล่าวแสดงความเป็นห่วงกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในแขวงหลวงพระบาง ซึ่งเป็น“เมืองมรดกโลก” เพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยการเติบโตมากกว่า 10% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คาดว่าในปี 62 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปี 61 ที่มีเกือบ 70,000 คน เป็นกว่า 70,000 คน หรือโตราว 17% ประกอบกับนักท่องเที่ยวบางส่วน ยังไม่เข้าใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของชาวหลวงพระบาง อาจแสดงพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนพื้นที่ได้
ดังนั้นทางการลาวจึงเร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกผ่านสื่อแขนงต่างๆ ทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนและชาวตะวันตก ได้รับรู้และปฏิบัติตนให้เหมาะสมและสอดรับกับวัฒนธรรมของชาวหลวงพระบาง ขณะเดียวกันหากมีนักท่องเที่ยวหรือผู้ประกอบการชาวต่างชาติ มีพฤติกรรมที่ขัดกับข้อกฎหมายหรือวัฒนธรรมอันดีงามของชาวหลวงพระบางแล้ว ทางการลาวก็จะไม่อนุญาตให้ท่องเที่ยว หรือไม่ต่อใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจในแขวงหลวงพระบางต่อไป
รองเจ้าแขวงหลวงพระบางกล่าวว่า ความเจริญที่มาพร้อมกับการได้เส้นทางสายใหม่ คือ ถนนสาย “เมืองหงสา- บ้านเชียงแมน (เมืองจอมเพชรแขวงหลวงพระบาง)” นอกจากความสะดวกสบายของการเดินทางและการขนส่ง รวมถึงโอกาสทางด้านการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศแล้ว ยังช่วยยกระดับให้คุณภาพชีวิตของคนลาว ตลอดเส้นทาง 114 กม. มีมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจมีวัฒนธรรมที่ไม่เหมาะสมบางอย่างแฝงเข้ามาด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางการลาวรู้สึกยินดีที่สำนักความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) หรือ NEDA ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย ได้ให้ความช่วยเหลือในการตัดถนนสายนี้ ซึ่งแขวงหลวงพระบางก็จะพยายามดูแลการเติบโตของแขวงหลวงพระบาง โดยไม่ให้กระทบกับความเป็น“เมืองมรดกโลก” อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หากลาวได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยผ่านทาง NEDA ในการจัดสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงบริเวณฝั่งเมืองจอมเพชร ข้ามฟากไปยังหลวงพระบางได้ เชื่ออว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ต่อการวางแผนขยายผังเมืองโดยยังคงรักษาความเป็น “เมืองเก่า” และ“เมืองมรดกโลก” ได้ง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจากทางการลาวเอง ก็พร้อมจะขยายผังเมืองไปยังฝั่งเมืองจอมเพชรมากขึ้นอยู่แล้ว
“ตามกำหนดเวลาในการดำเนินโครงการ ตั้งแต่การออกแบบ จนถึงลงมือก่อสร้างจนแล้วเสร็จนั้น เท่าที่ได้คุยกับ NEDA เชื่อว่าจะต้องใช้เวลาราว 2-3 ปี กว่าจะได้สะพานข้ามแม่น้ำโขงสายนี้ โดยระหว่างนี้ ทางแขวงหลวงพระบางจึงต้องเข้มงวดกับการดูแลการเจริญเติบโตของเมือง โดยไม่ให้ไปกระทบกับวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวหลวงพระบาง และความเป็น“เมืองมรดกโลก” ต่อไป” นายวงสะหวัน ระบุ
ด้านนายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผอ.NEDA กล่าวเสริมว่า โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงบริเวณเมืองจอมเพชรฯ ถือเป็นโครงการเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการภายหลังนายกรัฐมนตรีไทยและลาวได้หารือระดับ“ทวิภาคี” บนเวทีอาเซียนซัมมิท ที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่อาจต้องใช้เวลาในการศึกษาถึงผลกระทบด้านต่างๆในทุกมิติ ทั้งด้านสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติวิถีชีวิตของคนในพื้น ที่และอื่นๆ นานพอสมควร
เบื้องต้น NEDA คาดว่า จะต้องงบประมาณก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยขยับจุดก่อสร้างสะพานฯห่างไปจากจุดขึ้น-ลงแพขนานยนต์ไปทางด้านซ้ายของแม่น้ำโขวงราว 6-7 กม. ซึ่งไม่ห่างจากสนามบินของหลวงพระบางมากนัก โดยความยาวของตัวสะพานคงมากกว่า 1,000 เมตร เพื่อให้ครอบคลุมความกว้างของแม่น้ำโขงที่มีราว 500-600 เมตรทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำ ซึ่งระหว่างนี้ ทั้ง NEDA และแขวงหลวงพระบาง ได้ร่วมกันกำหนดกรอบของการออกแบบสะพาน เพื่อหาผู้ชนะการประมูลในการออกแบบต่อไป
ขณะที่ รองเจ้าแขวงหลวงพระบาง ยังกล่าวถึงการเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนและนักธุรกิจต่างชาติ ได้เข้ามาลงทุนในธุรกิจร้านสะดวกซื้อและห้างดิสเค้าท์สโตร์ เช่น ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และห้างแมคโคร ว่า เป็นความต้องการของทางการลาวและคนลาว โดยเฉพาะชาวหลวงพระบางที่อยากจะเห็นการเกิดขึ้นของธุรกิจประเภทนี้ ทั้งนี้แม้ประชากรในลาวและหลวงพระบาง อาจมีไม่มากนัก แต่เมื่อรวมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีมากกว่า 70,000 คน ในแขวงหลวงพระบางในแต่ละปีแล้ว เชื่อว่าอาจจูงใจให้นักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนในอนาคต.