ออมสินปล่อยกู้ซอฟท์โลนหมดแล้ว
ออมสินใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือน วงเงินกู้ซอฟท์โลน 5 หมื่นล้านบาทหมด “ชาติชาย” แจงผู้ประกอบการแห่ขอกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ มั่นใจเงินสะพัดถึงมือผู้ประกอบการเกือบ 1 หมื่นราย รวมวงเงินกู้ซอฟท์โลน 2 งวด วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ผู้ประกอบการกู้มากกว่า 2 หมื่นราย
“วงเงินกู้ซอฟท์โลน 50,000 ล้านบาท ที่ ครม.อนุมัติให้ออมสินปล่อยกู้เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา หมดเรียบร้อยแล้ว ทำให้วงเงินที่ออมสินใช้ไปกับโครงการนี้ทั้งหมด 150,000 ล้านบาท” นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว และชี้แจงว่า วงเงินกู้รอบนี้ หมดลดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีเงินค้างท่อจากโครงการแรกอยู่ประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าของธนาคารเหล่านี้ มีพร้อมที่จะกู้เงินได้ทันที
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า วงเงินรอบแรก 100,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการได้รับสินเชื่อ 11,750 ราย ขณะที่วงเงินระยะที่ 2 ใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือน ก็หมดเกลี้ยงแล้ว โดยสามารถปล่อยกู้ได้มากถึง 9,700 ราย เนื่องจากกระทรวงการ คลังได้ลดวงเงินปล่อยกู้จากโครงการแรกไม่เกินคนละ 50 ล้านบาท เหลือไม่เกิน 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี
“ในรอบที่ 2 นี้ ธนาคารพันธมิตรทั้ง 20 แห่งปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยนละราย 5.1 ล้านบาท จากเดิมเฉลี่ยละ 8 ล้านบาท ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้มากกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการลงทุน และมีสภาพคล่องในตลาดเพิ่มมากขึ้น”
สำหรับสถาบันการเงินจำนวน 20 แห่ง ที่เข้าโครงการและได้เบิกใช้วงเงิน ได้แก่ 1. ธนาคารกรุงเทพ ประมาณ 12,800 ล้านบาท 2. ธนาคารไทยพาณิชย์ ใช้วงเงินประมาณ 7,600 ล้านบาท 3. ธนาคารกรุงไทย กว่า 6,400 ล้านบาท 4. ธนาคารกสิกรไทย 6,100 ล้านบาท 5. ธนาคารออมสิน 4,100 ล้านบาท 6. ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) จำนวนกว่า 3,600 ล้านบาท และสถาบันการเงินอื่นๆ อีกรวมกว่า 9,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำฯ วงเงิน 50,000 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินการ 7 ปี โดยเป็นการปล่อยกู้ให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ ในอัตราดอกเบี้ย 0.1% ต่อปี เพื่อนำปล่อยกู้โดยตรงให้กับผู้ประกอบการในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 4% ต่อปี โดยระยะ 2 มีเงื่อนไขที่แตกต่างจากโครงการระยะแรก เพียงแค่เงื่อนไขเดียว คือ จำกัดวงเงินสินเชื่อต่อรายไว้ไม่เกิน 10 ล้านบาท (โครงการแรกกำหนดไว้ไม่เกิน 50 ล้านบาท)