กรุงไทยเผยทั้งปี 58 กำไรลดลง 14.16%
ธนาคารกรุงไทยรายงานผลประกอบการ ในปี 58 มีกำไรลดลง 14.16% จากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ และการด้อยค่าเพิ่มขึ้น 30,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,898 ล้านบาท (หรือ 63.82%) จากปี 2557
นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย แจ้งผลประกอบการในปี 2558 เปรียบเทียบกับปี 2557 ว่าธนาคาร และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงาน 65,689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,784 ล้านบาท หรือ 9.66% หลังหักสำรองหนี้สูญ และภาษีเงินได้มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 28,492 ล้านบาท ลดลง 4,699 ล้านบาท หรือ 14.16% ทั้งนี้รายได้หลักยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 3,710 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 2,723 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารต้นทุนอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวจากรายได้ของธุรกรรมเพื่อการค้ารวมทั้งปริวรรตเงินตราต่างประเทศ
“ธนาคาร และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายการตั้งสํารอง (หนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า) จํานวน 30,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,898 ล้านบาท (63.82%) จากปี 2557 โดยธนาคาร และบริษัทย่อยมีอัตราส่วนเงินสํารองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เท่ากับ 112.52% ในปี 2558”
ณ 31 ธ.ค.2558 ธนาคาร และบริษัทย่อยมีเงินให้สินเชื่อ 2,027,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74,445 ล้านบาท หรือ 3.81% โดยเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อ SME และรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนสูง มีเงินฝาก 2,135,499 ล้านบาท ลดลง 15,769 ล้านบาท หรือ 0.73% จากสิ้นปี 2557 โดยลดลงจากเงินฝากประจำที่ครบกำหนด ทั้งนี้ธนาคารได้ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิตามเกณฑ์ Basel III สกุลเงินริงกิตมาเลเซียจำนวน 9,091 ล้านบาท
จากนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และรักษาระดับของอัตราส่วนเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ธนาคาร และบริษัทย่อยได้กันสำรองหนี้สูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าจำนวน 30,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,898 ล้านบาท หรือ 63.82% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามแนวโน้ม NPL ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกหนี้ SME รายย่อย และลูกค้าอุตสาหกรรมเหล็กรายใหญ่
ธนาคาร และบริษัทย่อยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ณ 31 ธ.ค.2558 จำนวน 76,371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,882 ล้านบาท หรือ 32.84% อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio net) เท่ากับ 1.73% ทั้งนี้หากไม่รวมสินเชื่อด้อยคุณภาพจากอุตสาหกรรมเหล็กรายใหญ่ สินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับ 65,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,374 ล้านบาท หรือ 14.57% อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio net) เท่ากับ 1.59%
สำหรับเงินกองทุนชั้นที่ 1 มีจำนวน 225,092 ล้านบาท หรือ 11.43% และเงินกองทุนทั้งสิ้นเท่ากับ 299,621 ล้านบาท หรือ 15.22% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามเกณฑ์ความเสี่ยง ซึ่งคำนวณตามเกณฑ์ Basel III ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด