3 ที่ตั้งระเบียงศก.จีน-เมียนมา
มี 3 สถานที่ซึ่งมีการระบุจากทางการเมียนมาและทางการจีนภายใต้ MOU ให้เป็นเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจชายแดนของระเบียงเศรษฐกิจจีน – เมียนมา
U Khin Muang Lwin รมช.กระทรวงพาณิชย์กล่าวกับสื่อเมียนมาไทม์ว่า คณะกรรมการกลางเพื่อเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจชายแดน (BECZ) ที่เพิ่งมีการพบกันเมื่อเร็วๆนี้ ได้ตัดสินใจให้พื้นที่หลักอยู่ที่เมืองมูเซ และเมืองชินฉ่วยฮ่อทางเหนือของรัฐฉาน และเมือง Kan Pite Tee ในรัฐคะฉิ่น
เขากล่าวว่ากระทรวงจะเริ่มต้นให้สมัครแจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการ (EOI) ในเร็วๆนี้ โดยเสริมว่าสำหรับเขตหลักในเมืองมูเซ กระบวนการผลิตเพื่อการส่งออกและพื้นที่คลังสินค้าจะตั้งอยู่ที่ปางชาง – Wantain – Nwan Yin – Mantman ขณะที่กระบวนการนำเข้าและพื้นที่คลังสินค้าจะตั้งอยู่ที่ Salant – Salin และ NamKhang – Naungtaung
U Khin Maung Lwin ระบุว่า รายละเอียดของเขตหลักเมืองมูเซมีการร่างแผนแล้ว “ สิ่งสำคัญคือความยืดหยุ่น แผนแนวคิดของเราคือความยืดหยุ่นสำหรับทั้งสองประเทศ เพื่อให้เขตเหล่านี้สามารถพัฒนาได้”
เขากล่าวว่า ยังไม่มีแผนที่มีรายละเอียดสำหรับอีก 2 เขตหลัก แต่แนวคิดหลักของแผนจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับ EOIs โดยเขาเสริมว่าเมียนมาจะร่วมมือกับจีนในการก่อสร้างเขตหลัก Kan Pite Tee
โดยบรรดาพื้นที่เขตหลักเหล่านี้อยู่ระหว่างพรมแดนของทั้งสองประเทศมีการค้าปลอดภาษี , โรงแรม , โรงงาน และธนาคาร โดยเขตเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจทวิภาคี โดยเมียนมาสามารถควบคุมการดำเนินการค้าทางบกผ่าน Kyaul Kaung ของจีน ขณะที่จีนควบคุมการค้าผ่านทางมูเซ
U Than Myint ประธานคณะกรรมการกลาง BECZ ระบุว่า การค้าข้ามพรมแดนจะเอื้อประโยชน์กับทั้งสองประเทศและสร้างงานจำนวนมาก
คนในท้องถิ่นต้อนรับเขตเศรษฐกิจเหล่านี้สำหรับโอกาสที่จะได้ โดย U Sai Khin Maung ชาวเมืองมูเซคนหนึ่งระบุว่า จะดีกว่านี้ หากพลเมืองเมียนมาสามารถทำงานในประเทศตัวเองมากกว่าที่จะต้องเป็นแรงงานอพยพข้ามชายแดนไปทำงานที่ประเทศอื่น
“ สำคัญมากที่จะต้องมีโอกาสมากขึ้นกับฝ่ายของเรา เรากลัวที่จะเสียโอกาสไป” เขากล่าว โดยกลัวว่าทางจีนอาจทำให้งานของเมียนมาหายไป
U Sai Khin Maung หวังว่ารัฐบาลจะทำให้จีนมีความยุติธรรมกับการค้าชายแดน โดยมีความกังวลเรื่องสินค้าเกษตร
เขาชี้ว่า การใช้ชีวิตของเมียนมาขึ้นอยู่กับดีมานด์ของจีนในด้านสินค้าต่างๆ “ พวกเขาเปิดประตูพรมแดนเมื่อพวกเขาต้องการข้าว ถั่ว ข้าวโพดและงาของเรา แต่ปิดพรมแดนเมื่อไม่ต้องการ สถานการณ์นี้จำเป็นต้องจบลง”
U Sai Khin Maung กล่าว.