2 ปีหลังซบจีน ฟิลิปปินส์ยังรอเก้อ
สองปีหลังจากประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตประกาศไม่ยอมเป็นลูกน้องสหรัฐฯอีกต่อไปและหันไปมีสัมพันธ์ทางธุรกิจกับจีน จนถึงตอนนี้ ยังไม่เห็นผลอะไรเป็นรูปธรรมเลย
2 – 3 สัปดาห์ผ่านไปหลังประธานาธิบดีดูเตอร์เตโวยวายว่าสหรัฐฯปฏิบัติกับฟิลิปปินส์เหมือนสุนัข และเปลี่ยนไปญาติดีกับจีน เขาเดินทางกลับจากปักกิ่งด้วยคำมั่นจากผู้นำจีนว่าจะให้เงินกู้และเงินลงทุนจำนวน 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานในฟิลิปปินส์
ในโอกาสที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมาเยือนฟิลิปปินส์สัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีดูเตอร์เตจำเป็นต้องทำให้ผู้นำจีนเทงบช่วยเหลือให้ตามที่เคยพูดไว้
“ มิฉะนั้น เราสามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีอะไรในการใช้วาทกรรมเลิศหรู และฟิลิปปินส์ถูกจีนหลอกใช้ ” Richard Heydarian นักวิเคราะห์กลาโหมและความมั่นคงในกรุงมะนิลาให้ความเห็น
Benjamin Diokno รมว.กระทรวงงบประมาณฟิลิปปินส์ระบุว่า ไม่มีเหตุผลที่จะคาดหวังถึงคำสัญญาของจีนว่าจะเป็นจริงหลังผ่านมาถึง 2 ปีแล้ว แต่ทางการก็ยังหวังว่าการแทรกแซงของประธานาธิบดีสีจะช่วยในประเด็นนี้ได้
“ เรามองในแง่บวกมากๆ ว่าผู้นำจีน จะกดดันให้ทางคณะรัฐบาลจีนเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น ” Diokno ระบุในสัปดาห์ก่อน
โดยโครงการโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นที่จดจำในชื่อ “Build, build, build” ของดูเตอร์เต เป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของเขาที่ครอบ
คลุม 75 โครงการเรือธง โดยงบประมาณในการก่อสร้างครึ่งหนึ่งมาจากเงินกู้จีน การให้เปล่า หรือการลงทุน
แต่จากเอกสารของรัฐบาลที่ทางสื่อรอยเตอร์ได้เห็น มีเพียง 3 โครงการจากทั้งหมด คือสะพาน 2แห่ง และอีกหนึ่งโครงการชลประทาน ที่มีมูลค่ารวมกัน 167 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เริ่มก่อสร้างแล้ว ส่วนโครงการที่เหลือ เช่น โครงการรถไฟ 3 โครงการ ทางด่วน 3 แห่ง และสะพาน 9 แห่ง ยังคงรอรัฐบาลจีนอนุมัติด้านการเงิน หริอ ผู้รับเหมาจากจีนเสนอชื่อเข้าประมูล
ขณะที่รมว.กระทรวงต่างประเทศของจีนระบุว่า โครงการสำคัญที่มีการเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย “ กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการให้ราบรื่นและต่อเนื่องเพื่อให้ผลลัพธ์ในแง่บวก” จีนต้องการหนุนการค้าและการลงทุน และ “ส่งเสริมการเริ่มต้นการก่อสร้างที่มากกว่าโครงการที่ได้ตกลงกันไว้” กระทรวงระบุในแถลงการณ์ที่ส่งให้สื่อรอยเตอร์
จีนมีการลงทุนในฟิลิปปินส์ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้เพียง 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น คิดเป็น 40% เมื่อเทียบกับการลงทุนจากสหรัฐฯ และประมาณ 1 ใน 7 ของเงินลงทุนจากญี่ปุ่น อ้างอิงจากสำนักงานสถิติฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของปีก่อน
การค้าระหว่างจีนและฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ข้อมูลชี้ว่าส่วนใหญ่จีนได้ประโยชน์มากกว่า โดยการส่งออกของจีนมาฟิลิปปินส์เติบโต 26% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 แซงหน้าการนำเข้าจากฟิลิปปินส์ที่เติบโต 9.8%
Heydarian ระบุว่า หากดูเตอร์เตไม่สามารถโชว์ผลประโยชน์ที่ได้จากการเสี่ยงทิ้งพันธมิตรเก่าแก่อย่างสหรัฐฯไปซบอกจีนให้เห็นได้ อาจส่งผลต่อการเลือกตั้งกลางเทอมในปี 2562 ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จ หรือความล้มเหลวในการเป็นประธานาธิบดีของเขา.