คู่เลสเบียนมาเลย์ถูกตัดสินโทษโบย
เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มาเลเซียระบุว่า หญิงสาวชาวมาเลเซีย 2 ราย ถูกตัดสินลงโทษโดยการโบย หลังจากที่ทั้งคู่ยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่เข้มงวดของศาสนาอิสลาม ก่อให้เกิดความไม่พอใจจากกลุ่มสิทธิมนุษยชน
หญิงสาวทั้ง 2 ราย วัย 22 ปี และ 32 ปี ถูกจับกุมเมื่อเดือน เม.ย. โดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอิสลาม หลังจากที่พบทั้งสองในรถยนต์ในจตุรัสสาธารณะ ทางตอนเหนือของรัฐตรังกานู ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่อนุรักษ์นิยมมากที่สุดในประเทศ
ทั้งคู่ถูกนำตัวมายังศาลอิสลามเมื่อวันที่ 12 ส.ค. และได้ยอมรับว่าทำการละเมิดกฎหมายชะรีอะฮ์ที่ห้ามไม่ให้ผู้หญิงมีความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างกัน
Mohamad Khasmizan Abdullah อัยการหน่วยศาสนาของรัฐตรังกานู ให้สัมภาษณ์กับ AFP ว่า หญิงสาวทั้ง 2 ราย ถูกตัดสินลงโทษให้ถูกโบยเป็นจำนวน 6 ครั้ง และถูกปรับเป็นเงิน 3,300 ริงกิต (26,807.08 บาท)
Khasmizan ระบุว่า “ คดีนี้ถือเป็นคดีที่ร้ายแรง เหล่าอัยการต่างเร่งเร้าให้ศาลตัดสินลงโทษสูงสุด ” หากคำตัดสินถูกประกาศออกมาแล้ว ทั้ง 2 คนจะกลายเป็นผู้หญิงกลุ่มแรกที่ถูกลงโทษโดยการโบยในรัฐตรังกานู เนื่องจากการฝ่าฝันกฎหมายอิสลาม ทั้งคู่ได้รับสิทธิ์การประกันตัวแล้ว และคำตัดสินของทั้งคู่จะมีกำหนดการออกมาในวันที่ 28 ส.ค. แม้ว่าทั้งคู่จะมีสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลก็ตาม
โดยการลงโทษด้วยการโบยจะดำเนินการในที่ลับสายตาประชาชนที่มาเลเซีย ประเทศมาเลเซียใช้ระบบกฎหมายสองแนวทาง และศาลอิสลาม เพื่อดำเนินการตัดสินคดีเกี่ยวกับศาสนาและครอบครัว รวมถึงคดีอื่นๆ อย่างการผิดประเวณี
ชาวมุสลิมสัญชาติมาเลเซีย ที่มีจำนวนประชากรราว 60% จากประชากรทั้งหมด 32 ล้านราย มีธรรมเนียมการปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลามในรูปแบบที่เปิดกว้าง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ กลับก่อให้เกิดความกังวลเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากทัศนคติของผู้คนที่เริ่มมีอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมมากยิ่งขึ้น
สมาชิกของกลุ่ม LGBT ต่างต้องเผชิญหน้ากับความกดดันที่ทวีความรุนแรงในประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่มากยิ่งขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งบ่อยครั้งจ้าหน้าที่มักจะกล่าวหากลุ่ม LGBT โดยเฉพาะ
แถลงการณ์ที่ทางกลุ่มสิทธิมนุษยชนชื่อว่า Justice for Sisters (ความยุติธรรมเพื่อเพื่อนหญิง) ซึ่งได้รับการรับรองโดยกลุ่มรณรงค์อื่น ๆ มีข้อความวิจารณ์การตัดสินโทษของหญิงทั้ง 2 รายนี้ว่า “เป็นการทรมาน”
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า “ การทำให้เพศสัมพันธ์อย่างเต็มใจจากผู้ใหญ่ทั้ง สองฝ่าย ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่น่ารังเกียจมาก ”
สำหรับประเทศมาเลเซีย ระบุว่า การมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางปากและทางทวารหนัก ถือเป็นเรื่องฝ่าฝืนธรรมชาติ โดยกฎหมายพลเรือนระบุไว้ว่า ผู้กระทำผิดจะต้องโทษจำคุกถึง 20 ปี ถูกโบย และถูกปรับ.