ท่อเหล็กนำเข้าจากจีนทุบไทยอ่วม
ผลผลิตเหล็กล้นตลาดโลกโดยเฉพาะจากการผลิตเกินความต้องการใช้ในจีนลุกลามถึงผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กในไทย โดยปริมาณการนำเข้าท่อเหล็กจากจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ผลิตท่อเหล็กในไทยได้รับความเดือดร้อนจากราคา และส่วนแบ่งการตลาดที่มีแนวโน้มลดลง
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC ออกบทความเรื่อง “เจาะผลกระทบ และตั้งรับภาวะท่อเหล็กนำเข้าบุกตลาด” ระบุว่า ผลกระทบจากภาวะผลผลิตเหล็กล้นตลาดโลกโดยเฉพาะจากการผลิตเกินความต้องการใช้ในจีนลุกลามถึงผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กในไทย โดยปริมาณการนำเข้าท่อเหล็กจากจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ผลิตท่อเหล็กในไทยได้รับความเดือดร้อนจากราคา และส่วนแบ่งการตลาดที่มีแนวโน้มลดลง
ส่งผลให้เกิดการเรียกร้องให้มีการออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดหรือ Anti-dumping ท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บไร้สนิมซึ่งเป็นท่อเหล็กชนิดที่มีปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นมากที่สุด ทั้งนี้อีไอซีมองว่าการแข่งขันกับสินค้าจากจีนทำได้ยาก และมาตรการ AD จะสามารถช่วยเหลือผู้ผลิตไทยได้ในระยะสั้นเท่านั้น นอกจากนี้คาดว่าปริมาณการนำเข้าท่อเหล็กชนิดดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีกก่อนมีการใช้มาตรการ AD เนื่องจากผู้ค้าอาจจะสะสมสินค้าคงคลังราคาถูกไว้ก่อนที่มาตรการ AD จะถูกบังคับใช้
ในระยะสั้น ผู้ผลิตต้องพยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมโดยยกระดับคุณภาพการให้บริการลูกค้า และสร้างความน่าเชื่อถือ ส่วนในระยะยาว ด้วยความที่จีนมีความได้เปรียบด้าน Economy of Scale ดังนั้นอีไอซีจึงแนะให้ผู้ผลิตเพิ่มความ สามารถในการแข่งขันเพื่อก้าวข้ามการแข่งขันทางด้านราคา ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิต พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ควบคู่กับการทำการตลาด สร้าง Branding ให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคจดจำ และเป็นที่รู้จัก
ปริมาณการนำเข้าท่อเหล็กที่เพิ่มขึ้นมาจากการนำเข้าท่อเหล็กจากจีนที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เหล็กที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาจากภาวะเหล็กล้นตลาดในจีน ปริมาณการนำเข้าท่อเหล็กของไทยในปี 2557 เติบโต 22% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะการนำเข้าท่อเหล็กจากจีนที่เพิ่มขึ้นถึง 66% ในขณะที่การนำเข้าท่อเหล็กจากประเทศอื่นกลับลดลง 8% ทำให้สัดส่วนการนำเข้าท่อเหล็กจากจีนในปี 2557 มีสัดส่วนถึง 55% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด
ขณะที่ปีก่อนหน้ามีสัดส่วนเพียง 40% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตท่อเหล็กในไทยกำลังเผชิญกับการทะลักเข้าของสินค้าจีนอย่างหนัก ล่าสุดการนำเข้าท่อเหล็กจากจีนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดย 6 เดือนแรกของปี2558 การนำเข้าท่อเหล็กเพิ่มขึ้นกว่า 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
“สาเหตุหลักที่ปริมาณการนำเข้าท่อเหล็กจากจีนเพิ่มมากขึ้นมาจากอุปทานที่ล้นเกินในจีน โดยในปี 2557 จีนสามารถผลิตท่อเหล็กได้ถึง 89 ล้านตัน ประกอบด้วย ท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บ 58 ล้านตัน และท่อเหล็กไร้ตะเข็บ 31 ล้านตัน ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศชะลอตัวลง”
เหตุผลดังกล่าวนี้เอง ผู้ผลิตจีนจึงผลักดันให้ปริมาณการส่งออกท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บและท่อเหล็กไร้ตะเข็บในปี 2557 เพิ่ม ขึ้น 7% และ 4% ตามลำดับจากปีก่อนหน้า อีกหนึ่งสาเหตุคือ สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ยังไม่มีการออกมาตรฐาน มอก. ท่อเหล็กแบบบังคับใช้ แต่มีเพียงมาตรฐาน มอก. ทั่วไปเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้ผู้นำเข้าสามารถนำเข้าท่อเหล็กได้อย่างเสรี ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ผลิตได้รับผลกระทบแล้ว ยังอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในด้านความปลอดภัยอีกด้วย
ชนิดของท่อเหล็กที่มีการนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บ โดยในปี2557 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บไร้สนิมที่ใช้ในอุตสาหกรรมหนักทั่วไป งานตกแต่ง และอุตสาหกรรมการผลิต ท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บถือเป็นสินค้าที่เข้ามาแข่งขันกับผู้ผลิตของไทยโดยตรง เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้ผลิตในไทยสามารถผลิตได้ ตรงกันข้ามกับท่อเหล็กไร้ตะเข็บที่ยังไม่มีการผลิตโดยผู้ผลิตในไทย มีเพียงแต่การนำเข้ามาใช้เท่านั้น
ดังนั้นผู้ที่จะได้รับผลกระทบที่รุนแรง คือ ผู้ผลิตท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บไร้สนิม เนื่องจากมีปริมาณการนำเข้าท่อเหล็กชนิดนี้จากจีนเพิ่มขึ้นมากที่สุด จนทำให้ทางผู้ผลิตมีการเรียกร้องให้ภาครัฐออกมาตรการ AD และ Safeguard
การแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากจีนทำได้ยากเนื่องจากราคาวัตถุดิบในจีนต่ำกว่า และยังลดลงอย่างต่อเนื่องในอัตราที่เร็วกว่า ในปี 2558 ราคาของเหล็กแผ่นรีดร้อนในจีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บมีราคาต่ำกว่าไทยราว 32% และที่ผ่านมาราคายังมีแนวโน้มลดลงในอัตราที่มากกว่า
ทั้งนี้คาดว่าภาวะดังกล่าวจะยังเป็นปัญหาต่อผู้ผลิตในไทยไปจนกว่าสภาวะการผลิตเหล็กเกินความต้องการในตลาดโลกจะบรรเทาลง นอกจากนี้ผู้ผลิตในไทยยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเหล็กแผ่นรีดร้อนราคาถูกในจีนได้ เนื่องจากมีการประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) เหล็กแผ่นรีดร้อนไปก่อนหน้านี้
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตท่อเหล็กในจีนเหนือกว่าผู้ผลิตในไทย และนำไปสู่การนำเข้าท่อเหล็กจากจีนมากขึ้น นอกจากนี้ควรจับตามองราคาท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บไร้สนิมของจีนที่มีแนวโน้มลดลงในอัตราที่มาก กว่าราคาในไทย ทำให้ความเสี่ยงในการใช้มาตรการตอบโต้จะได้ผลเพียงระยะสั้นมีสูงขึ้น เช่น ราคาของท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บไร้สนิมทรงกลมจากจีนมีแนวโน้มลดลงมาตลอด และเหลือเพียง 1,364 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในไตรมาส 3 ปี 2015 ซึ่งลดลงถึง 24% จากไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า ในขณะที่ราคาของไทยอยู่ที่ประมาณ 2,905 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน และลดลงเพียง 10% จากไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ราคาเฉลี่ยช่วงครึ่งแรกของปี 2558 สินค้าของไทยยังสูงกว่าจีนถึง 89%
EIC คาดว่าการนำเข้าท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บไร้สนิมจะเพิ่มขึ้นอีก ก่อนมีการใช้มาตรการ AD เนื่องจากผู้ค้ามีแนวโน้มจะสะสมสินค้าคงคลังราคาถูก ผลจากปริมาณการนำเข้าท่อเหล็กที่เพิ่มขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมภายในประเทศได้รับความเสียหายจากการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด และราคาที่ลดลง ส่งผลให้มีการยื่นคำขอให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการ AD จนในวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กหลอด และท่อทำด้วยเหล็กกล้าไร้สนิม ทั้งรีดร้อน และรีดเย็นที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลม และไม่เป็นวงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางรอบนอกไม่เกิน 508 ม.ม. ที่มีแหล่งผลิตมาจากเกาหลี จีน ไต้หวัน และเวียดนาม
โดยเห็นได้ว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 เพิ่มขึ้นถึง 177% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า
ทั้งนี้สินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือท่อเหล็กเชื่อมตะเข็บทรงเหลี่ยม และทรงกลม ซึ่งมักนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงใช้ในงานแลกเปลี่ยนความร้อน และงานเฟอร์นิเจอร์ ทั้งนี้ คาดว่าก่อนที่จะมีการประกาศใช้มาตรการ AD การนำเข้าท่อเหล็กจะเพิ่มขึ้นอีกเพื่อเป็นการสะสมสินค้าคงคลังราคาถูก ก่อนที่มาตรการจะทำให้ปริมาณการนำเข้าลดลงโดยเฉพาะหากมาตรการ AD ถูกบังคับใช้กับทุกประเทศส่งออกในข้างต้น ซึ่งมีแนวโน้มแตกต่างจากกรณีของสหรัฐฯ ที่ประสบความสำเร็จในการลดปริมาณการนำเข้าท่อเหล็กจากจีน จากการใช้มาตรการ AD และ CVD แต่กลับมีการนำเข้าจากเกาหลีเพิ่มขึ้นมากแทน
นอกจากนี้คาดว่ามาตรการ AD จะส่งผลดีต่อผู้ผลิตเพียงในระยะสั้น และจะส่งผลให้ผู้ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องเสียโอกาสในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูกกว่าจากต่างประเทศ อีไอซีคาดว่า ในระยะสั้นผู้ผลิตจะได้รับผลดีในแง่ของสินค้าที่เข้ามาแข่งขันมีปริมาณที่ลดลง แต่การแก้ไขปัญหาในระยะยาวยังคงขึ้นอยู่กับภาวะผลผลิตเกินความต้องการในตลาดโลกเป็นหลัก ซึ่งหากภาวะดังกล่าวยังไม่ดีขึ้น ราคาสินค้าของจีนก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะลดลงในอัตราที่มากกว่า และเร็วกว่า และสินค้าของไทยจะต้องเผชิญการแข่งขันด้านราคาอยู่ดี
นอกจากนี้ผู้ผลิตสินค้าท่อเหล็กที่อยู่ในพิกัดที่ใกล้เคียงกับพิกัดที่ได้รับการคุ้มครองด้วยมาตรการ AD ยังอาจจะได้รับผลกระทบเชิงลบถ้าสินค้านั้นสามารถทดแทนสินค้าที่ถูกคุ้มครองได้ จะทำให้ผู้ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องหันมานำเข้าสินค้าดังกล่าวแทน เนื่องจากปัจจัยทางด้านราคา ส่วนผู้ค้าท่อเหล็กคาดว่าจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากเป็นผู้ซื้อมาขายไป ทำให้กำไรไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยอาจจะเสียประโยชน์ในแง่ของการเสียโอกาสซื้อสินค้าราคาถูกกว่าจากจีนซึ่งช่วยให้ต้นทุนการขายต่ำกว่า และได้กำไรสูงกว่า
สำหรับผู้ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจะได้รับผลกระทบทางลบเพราะเสียโอกาสในการใช้ท่อเหล็กนำเข้าจากจีนที่มีราคาถูกกว่า และต้องซื้อเหล็กในราคาที่สูงขึ้นเมื่อมีการใช้มาตรการ AD