ชาวเมืองมาราวีกลับบ้านอย่างเจ็บปวด
หลังจากต้องอพยพหลบหนีออกจากบ้านตัวเองไปนานเกือบปี ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองมาราวี ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นวันแรก
ทั้งเมืองมาราวีถูกทำลายในระหว่างการต่อสู้ระหว่างทหารฟิลิปปินส์และกลุ่มติดอาวุธที่สวามิภักดิ์ต่อกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม หรือ ไอซิส ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 1,200 ราย
โดยทางกองทัพระบุว่า แม้ประชาชนที่อพยพออกจากบ้านไปจะได้รับอนุญาตให้กลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเองได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ทหารยังคงตรึงกำลังเพื่อค้นหาระเบิดที่ไม่ทำงานใน 24 หมู่บ้าน ซึ่งเกิดการสู้รบกันอย่างรุนแรงนานถึง 5 เดือนตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.ปีที่แล้ว
ในวันที่ 1 เม.ย. หลายคนในเมืองมาราวีต่างขุดหาเฟอร์นิเจอร์ และของเล่นเด็กที่พังเสียหายจากซากปรักหักพังของบ้านพวกเขาด้วยน้ำตานองหน้า และยังคงมีความเสี่ยงจากซากระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาในช่วงการต่อสู้
“ ฉันร้องไห้ด้วยความโกรธและเจ็บปวด ” Samsida Mangcol วัย 44 ปี กล่าวกับสื่อ AFP ในช่วงเวลาที่เธอมองเห็นร้านขายชุดเจ้าสาวของเธอ ที่มีแต่สีสเปรย์พ่นเต็มผนังด้านหนึ่งว่า “ ฉันรักไอซิส ”
“ ฉันเคยให้เช่าชุดแต่งงาน แต่ตอนนี้ฉันเป็นเหมือนขอทานที่ต้องขออาหารและเสื้อผ้าจากญาติๆ ” แม่ลูกสามกล่าวขณะสัมผัสซากชุดเจ้าสาวบนหุ่นโชว์
ทั้งนี้ เมืองมาราวีบนเกาะมินดาเนา ซึ่งเป็นเมืองที่ประชาชนนับถือศาสนาอิสลาม ขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์เป็นแคธอลิก ถูกกลุ่มติดอาวุธเข้ายึดครองในปีที่แล้ว โดยมือปืนหลายร้อยคนที่เป็นทั้งคนในพื้นที่และมาจากประเทศอื่น ต่างพากันโบกธงไอซิสสีดำ โดยทางการระบุว่า กลุ่มนี้พยายามจะทำให้เมืองนี้เป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มไอซิสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การต่อสู้ ซึ่งจบลงในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ถือเป็นวิกฤตความมั่นคงที่ร้ายแรงที่สุดภายใต้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต
การต่อสู้ทำให้เมืองเสียหายหนักเหมือนเมืองอเลปโปในซีเรีย และเมืองโมซุลในอิรัก อ้างอิงจากความเห็นของเจ้าหน้าที่และประชาชนในเมือง
ประชาชนส่วนใหญ่จากทั้งหมด 200,000 คนต้องเร่งอพยพออกจากเมืองเพื่อความปลอดภัย พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือไปอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องในเมืองอื่น
หลายเดือนหลังการสู้รบจบลง ประชาชนยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากพื้นที่สู้รบยังคงมีระเบิด 53 ลูกที่ทิ้งลงมาจากเครื่องบินของกองทัพที่ไม่ระเปิด ซึ่งมีน้ำหนักถึง 226 ก.ก. อ้างอิงจากข้อมูลของพลโทโรเมโอ บรอเนอร์ รองผู้บัญชาการการรบในเมืองมาราวี
“ เราขาดอุปกรณ์ที่จะขุดหาระเบิด กว่าเราจะพบระเบิดสักลูก เราต้องใช้เวลาถึง 5 วัน เพราะเราต้องขุดลึกลงไปถึง 10 เมตร และกว้าง 10 เมตร ” พลโทบรอเนอร์กล่าว และเสริมว่ากองทัพตั้งเป้าว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงภายในเดือนมิ.ย.นี้
ขณะเดียวกัน ส.ว.ฟิลิปปินส์เรียกร้องให้รัฐบาลอนุญาตให้ประชาชนชาวเมืองมาราวีที่อพยพออกจากบ้านสามารถกลับไปซ่อมแซมสร้างบ้านของตัวเองขึ้นมาใหม่ในที่ดินเดิมก่อนที่จะมีการสู้รบ
โดยส.ว. Francis Pangilinan สนับสนุนการเรียกร้องของชาวเมืองมาราวีส่วนใหญ่ที่ต้องการหยุดแผนการของประธานาธิบดีดูเตอร์เตที่จะให้มีการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจ และค่ายทหารในพื้นที่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูเมืองมาราวี
“ เราขอสนับสนุนข้อเรียกร้องของชาวเมืองมาราวีให้ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้และสร้างบ้านใหม่ของพวกเขาในที่ดินเดิมที่อยู่มาก่อนจะถูกกลุ่มติดอาวุธยึดครอง ” เขากล่าวเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา.