มาเลย์ชี้ขึ้นภาษีนำเข้ากระทบผู้บริโภคสหรัฐฯ
สำนักวิจัยแห่งหนึ่งของมาเลเซียออกมาเตือนเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ว่า การกีดกันทางการค้าด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์เซลล์ของสหรัฐฯ จะฉุดยอดส่งออกของหลายประเทศในเอเชีย ขณะที่ผู้บริโภคในสหรัฐฯต้องรับภาระราคาสินค้าที่สูงขึ้น
“ผลกระทบสำคัญที่ตามมาของการปรับขึ้นภาษีศุลกากรนำเข้าจะทำให้ราคาเครื่องซักผ้าสูงขึ้น รวมถึงแผงโซลาร์เซลล์ และเงินเฟ้อในสหรัฐฯฯ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น” อ้างอิงจากรายงานของ MIDF Research ในมาเลเซีย
ด้วยภาษีศุลกากรที่ปรับสูงขึ้นของสหรัฐฯ MIDF มองว่า ความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องในการผลิต โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์เซลล์ จะฉุดรั้งการส่งออกของมาเลเซียไปสหรัฐฯ
“เราคาดการณ์ว่า การเติบโตของการส่งออกไปสหรัฐฯจะถดถอยลงเหลือ 3 – 5% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับการเติบโตถึง 11.8% ในปี 2560” สำนักวิจัย MIDF ให้ความเห็น
อ้างอิงจากรายงาน การส่งออกโดยตรงไปสหรัฐฯคิดเป็น 9% ของสินค้าส่งออกทั้งหมดของมาเลเซีย และมากกว่าครึ่งของสินค้าส่งออกเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าที่ผลิตได้อื่นๆ
เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯได้อนุมัติให้มีการปรับขึ้นภาษีศุลกากรในการนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์เซลล์และส่วนประกอบ ท่ามกลางความกังวลว่า ภาษีการค้าที่เคร่งครัดจะทำลายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า
โดยผู้นำสหรัฐฯอนุมัติให้มีการปรับขึ้นภาษีศุลกากร 50% สำหรับการนำเข้าเครื่องซักผ้าตลอด 3 ปีหน้า และปรับขึ้นภาษี 30% สำหรับแผงโซลาร์เซลล์และส่วนประกอบตลอด 4 ปีหน้า อ้างอิงจากแถลงการณ์ที่ระบุไว้ของสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา
การตัดสินใจครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากต่างประเทศของทั้งสองผลิตภัณฑ์ “ซึ่งจะเป็นสาเหตุสำคัญที่กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศอย่างรุนแรง” อ้างอิงจากรายงาน
นอกจากนี้ ทาง MIDF คาดการณ์ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมด้วยเช่นกัน
“เราคาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะดำเนินโยบายการกีดกันทางการค้าเพิ่มมากขึ้นเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของประเทศ และความเคลื่อนไหวเช่นนี้จะทำให้ตลาดผันผวน ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลง ส่งผลกระทบต่อราคาโภคภัณฑ์ และฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกในระยะกลาง” อ้างอิงจากรายงาน
นอกจากนี้ ในรายงานยังระบุว่า มีความเป็นไปได้ว่า มาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มเติมจากรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์จะส่งผลกระทบกับการค้าทั่วโลก รวมถึงดีมานด์การส่งออกที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการการค้าระหว่างประเทศของมาเลเซียในปี 2561.