บรูไนตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ
รัฐบาลบรูไนหวังจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 218,000 คนในปี 2558 มาเป็น 451,000 คนภายในปี 2563 ซึ่งจะขยับรายได้จากภาคท่องเที่ยวให้สูงจากเดิม 178.6 ล้านดอลลาร์บรูไน (ราว 4,397 ล้านบาท) หรือประมาณ 1.1% ของจีดีพีในปี 2559 เพิ่มเป็น 3% เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงท่องเที่ยวกล่าวกับสื่อสเตรทไทม์
“ การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีศักยภาพที่จะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างมาก” ซัมรี จูไนดิ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการท่องเที่ยวประจำกระทรวงทรัพยากรพื้นฐานและการท่องเที่ยวกล่าว
ข้อมูลจากภาครัฐชี้ว่า ก๊าซและน้ำมันทำรายได้ 41.7% ของจีดีพีของบรูไนในปี 2559 ตามมาด้วยการผลิตและบริการของรัฐ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศมีความหลากหลายและสามารถแข่งขันได้ รัฐบาลจึงเริ่มที่จะปฏิรูปนโยบายในภาคส่วนที่ไม่ใช่พลังงาน ซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยว ธุรกิจฮาลาล และอุตสาหกรรรมสร้างสรรค์
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว กระทรวงเริ่มทำงานด้วยความร่วมมือจากภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์เกิดใหม่ ซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยวในสถานที่ที่ไม่เคยเปิดตัวมาก่อน เช่น Sungai Basong ซึ่งเป็นสวนสันทนาการสำหรับการพักผ่อนและออกกำลังกาย กิจกรรมอื่นๆเช่น ดำน้ำดูซากเรืออับปางและอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมัน ดูนก เล่นว่าว
“ อะไรอีกบ้างที่จะทำให้เราแตกต่าง อาจเป็นสิ่งที่เราทำอยู่แล้วในท้องถิ่น เราต้องการที่จะส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและมีแพ็คเกจท่องเที่ยวที่น่าสนใจ” นายซัมรีเสริม
เขากล่าวว่า บรูไนเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้รักธรรมชาติเนื่องจากมากกว่า 70% ของพื้นที่ในประเทศเป็นป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมือง ปลอดภัยจากภัยพิบัติรุนแรงทางธรรมชาติ และมีขนาดเล็ก จึงสามารถที่จะเที่ยวได้ครบถ้วนภายใน 2- 3 วัน
“ เราจะค่อยๆทำไปทีละขั้น สิ่งที่เราเรียนรู้จากประเทศอื่นๆ คือพยายามไม่ให้เกิดการทำลายธรรมชาติให้เสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ”
นอกจากนี้ ยังต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยคาดว่าสะพานเติมบูรงที่มีความยาว 30 ก.ม.เชื่อมต่อตัวเมืองบันดาร์เสรีเบกาวันกับแขวงบางาร์จะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2562
ประเทศบรูไนยังเปิดกว้างรับการลงทุนจากต่างชาติด้วย โดยนายซัมรีกล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนจากสิงคโปร์กำลังเสนอโครงการที่จะพัฒนาเป็นวิลล่าและโรงแรมหลายแห่ง
ทั้งนี้ สวนริมแม่น้ำแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในวันที่ 29 ต.ค.มีบริษัท SMEC ที่ปรึกษาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นบริษัทของสิงคโปร์เป็นผู้พัฒนาโครงการ โดยแอนดี้ โกลด์วิน ซีอีโอกล่าวว่า บริษัท SMEC ภูมิใจที่ได้มีส่วนในการสร้างสรรค์พื้นที่พักผ่อนสาธารณะที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนในพื้นที่และผู้มาเยือน.