สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนทรงครองราชย์ครบ 50 ปี
สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน ทรงครองราชสมบัติครบ 50 ปีเมื่อวันที่ 5 ต.ค.และมีการจัดพิธีเฉลิมฉลองในกรุงบันดาเซอรีเบอกาวัน เมืองหลวงของประเทศอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ
สมเด็จพระราชาธิบดีฮัสซานัล โบลเกีย ซึ่งทรงมีพระชนมพรรษา 71 พรรษาในปีนี้ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก หลังจากทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ในปี 2510
โดยทรงฉลองพระองค์ชุดสีทองอร่าม ขณะที่เสด็จพระราชดำเนินเข้ามาในงานพิธีในกรุงบันดาเซอรีเบอกาวัน พร้อมสมเด็จพระราชินีซาเลอฮาและพระราชวงศ์ ทรงประทับอยู่บนราชรถ วงดุริยางค์ของกองทัพบรรเลงเพลง
ในระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินเป็นระยะทาง 5 ก.ม.สองข้างทางมีประชาชนมารอต้อนรับขบวนสเด็จมากกว่า 80,000 คน หลายคนมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อมาจับจองพื้นที่ในจุดที่จะสามารถมองเห็นพระองค์ได้อย่างชัดเจนที่สุด
พิธีเฉลิมฉลองนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวาระเฉลิมฉลองการครองราชย์ที่มีระยะเวลานานถึง 1 เดือน รวมทั้งพิธีเปิดสะพานแขวนแห่งแรกของบรูไน การเปิดใช้สวนสาธารณะแห่งใหม่ในพื้นที่เมือง และการจัดงานเลี้ยงรับรองผู้นำจากประเทศต่างๆ รวมถึงราชวงค์อังกฤษและราชวงศ์จากประเทศตะวันออกกลาง ที่มาเยือนในเย็นวันที่ 6 ต.ค.
“ กษัตริย์มีความรับผิดชอบต่อประชาชน และประชาชนมีความรับผิดชอบต่อกษัตริย์ กษัตริย์และประชาชนจะสร้างความเชื่อมั่นในประเทศชาติไปด้วยกัน” พระองค์ทรงตรัสกับประชาชนที่มาเฝ้าชมที่พระราชวัง
โดยบรูไน ซึ่งเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ มีประชาชนประมาณ 400,000 คน และเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากการพึ่งพาการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ประเทศบรูไนไม่มีการเลือกตั้ง ความคิดเห็นที่แตกต่างถูกทำให้สงบลงได้ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ใจกว้าง ทั้งการไม่จัดเก็บภาษีประชาชน รวมถึงให้เงินอุดหนุนด้านที่อยู่อาศัย และให้การดูแลสุขภาพและการศึกษาแก่ประชาชนฟรีทั้งหมด
ถึงแม้พระองค์จะมีการปกครองทางสังคมที่เข้มงวด แต่ประชาชนชื่นชมและยกย่องพระองค์ท่านอย่างสูงสุด
การปกครองประเทศของพระองค์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้บรูไนมีอิสรภาพ เป็นประเทศที่มีเอกราชจากอังกฤษและประชาชนมีมาตรฐานชีวิตที่สูงติดอันดับต้นๆของเอเชีย
สมเด็จพระราชาธิบดี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมีบริษัทด้านพลังงาน แต่ที่ผ่านมา บรูไนต้องประสบกับปัญหาที่พึ่งพาพลังงานมากเกินไป เนื่องจากราคาพลังงานทั่วโลกลดลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้ของรัฐบาลบรูไนจึงลดฮวบลงไปประมาณ 70% ทำให้บรูไนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจถดถอย 3 ปีติดต่อกันแล้วในกลุ่มประเทศอาเซียน
จากราคาน้ำมันที่ตกต่ำทำให้ปัจจุบัน บรูไนต้องเปิดรับการลงทุนจากจีน ที่อัดฉีดเงินทุนหลายพันล้านเข้ามาในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในประเทศ.