อินโดฯเพิ่มกำลังคุมเหตุจลาจลในปาปัว
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.เกิดเหตุประท้วงรุนแรงขึ้นอีกครั้งในจังหวัดปาปัวของอินโดนีเซีย มีการปทะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วง ทำให้ทางการต้องส่งกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1 พันนายเข้าควบคุมสถานการณ์
รัฐบาลเรียกร้องขอความสงบกลับคืนมาในปาปัว ซึ่งเป็นพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ และเป็นพื้นที่ซึ่งมีกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลกลางมานานหลายทศวรรษ หลังจากเหตุจลาจลช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจบลงด้วยการควบคุมตัวนักศึกษาปาปัวได้นับสิบคน
โดยในวันที่ 21 ส.ค. มีประชาชนประมาณ 5,000 พันคนเดินขบวนประท้วงไปรอบเมืองทิมิกา ซึ่งสื่อ AFP ระบุว่า ผู้ประท้วงขว้างปาก้อนหินเข้าใส่อาคารสภาและพยายามพังทำลายรั้ว นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประท้วงยังขว้างปาก้อนหินใส่ร้านค้าและบ้านเรือน ทำให้ตำรวจปราบจลาจลต้องยิงปืนขู่
สื่ออินโดฯรายงานว่า ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงได้ 45 ราย รวมถึงบางคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการประท้วงและทำลายอาคาร
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ประท้วงนับร้อยเดินขบวนไปตามถนนหลายสายในเมืองโซรอง และถือธงปาปัวที่ถูกแบนในเมือง Fakfak ทางตะวันตกของเกาะ ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างอินโดนีเซียและประเทศปาปัวนิวกินี
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมในเมือง Fakfak หลังจากผู้ประท้วงจุดไฟเผาตลาด ทำลายตู้ ATM และร้านค้า
วิรันโต รมต.ที่ดูแลด้านความมั่นคงของอินโดฯ เดินทางไปปาปัวในวันที่ 21 ส.ค. เพื่อควบคุมสถานการณ์ความตึงเครียด ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีโจโค วิโดโดจะเดินทางไปเยือนปาปัวเช่นกัน
หลายเมืองที่ร่ำรวยทรัพยากรของปาปัวได้รับผลกระทบในสัปดาห์นี้ รวมทั้งเมืองมาโนควารี ซึ่งอาคารประกอบธุรกิจและสภาท้องถิ่นถูกผู้ประท้วงที่ไม่พอใจจุดไฟเผา
ทางการตามล่าผู้ต้องขังกว่า 250 คนที่แหกคุกในโซรอง และเป็นกลุ่มที่จุดไฟเผาทำลายอาคารในระหว่างจลาจล นอกจากนี้ ทางการยังระบุว่า ตำรวจหลายคนได้รับบาดเจ็บ แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจล
มีการส่งกำลังตำรวจและทหารเข้าไปเพิ่มอีก 1,200 นายในเมืองมาโนควารีและโซรอง
แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีกระสุนจริง และยังควบคุมสถานการณ์ได้ มูฮัมหมัด อิกบัล โฆษกตำรวจรายงานเมื่อวันที่ 21 ส.ค.
รัฐบาลต้องชะลอการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในหลายพื้นที่ของปาปัวเพื่อหยุดการแพร่ข่าวลวงที่อาจก่อให้เกิดการชุมนุมเพิ่มขึ้น
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ประชาชนไม่พอใจหลังเจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาและควบคุมตัวนักศึกษามหาวิทยาลัยปาปัว ไว้ 43 คน ในเมืองสุราบายา ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินโดฯ โดยวันนั้นเป็นวันประกาศเอกราชของอินโดฯ ตำรวจบุกหอพักเพื่อจับตัวนักศึกษา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าทำลายธงชาติอินโดฯ ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงพูดจาเหยียดเชื้อขาติ
ปาปัวเป็นพื้นที่ซึ่งมีกลุ่มกบฎก่อการจลาจลมานานหลายทศวรรษ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากอินโดฯ ซึ่งเข้ามาปกครองอดีตอาณานิคมของดัตช์แห่งนี้เมื่อ 50 กว่าปีก่อน
ฝ่ายความมั่นคงถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิ์ประชาชนซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เมลานีเชียน ซึ่งกล่าวว่าจะไม่ยอมแบ่งปันแหล่งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ในภูมิภาคให้
ในปีที่แล้ว ประชาชนนับหมื่นในปาปัวต้องอพยพในระหว่างการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและกลุ่มกองโจร หลังจากกลุ่มกบฎสังหารแรงงานก่อสร้าง 19 รายในแคมป์ก่อสร้าง
ทั้งนี้ มีแรงงานของผู้รับเหมาของภาครัฐกำลังก่อสร้างสะพานและถนนหลายแห่งในปาปัว จากความพยายามของรัฐบาลที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เท่าเทียมกันทั้งประเทศ