ฮาลิมาห์ ยาคอบ ปธน.หญิงคนแรกของสิงคโปร์
ฮาลิมาห์ ยาคอบ ได้รับการประกาศว่าชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 ก.ย. หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่า เธอเป็นผู้สมัครคนเดียวที่มีคุณสมบัติครบถ้วนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
จึงทำให้เธอเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสิงคโปร์ และเป็นคนมุสลิมเชื้อชาติมาเลย์คนแรกในรอบ 47 ปี
โดยเธอจะทำพืธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 8 ในวันที่ 14 ก.ย.เวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นที่วังอิสตานา อ้างอิงจากแถลงการณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรี
“ ดิฉันเป็นประธานาธิบดีของทุกคน ถึงแม้จะเป็นการเลือกตั้งที่สงวนสิทธิไว้ก็ตาม แต่ดิฉันไม่ใช่ประธานาธิบดีของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ” เธอกล่าวกับผู้สนับสนุนที่มารวมตัวกันเพื่อแสดงความยินดีกับเธอ โดยเธอได้ขอบคุณชาวสิงคโปร์และเรียกร้องความเป็นเอกภาพในสุนทรพจน์ของเธอ ทั้งในภาษาอังกฤษและมาเลย์
“ เราต้องการให้ชาวสิงคโปร์ทุกคนยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน เรายังไม่ถึงจุดที่สูงที่สุด สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง ดิฉันถามเพื่อให้เรามุ่งไปที่ความเหมือนที่เราเป็นอยู่ ไม่ใช่ความแตกต่างกันระหว่างเรา” เธอกล่าว
เช้าวันที่ 13 ก.ย. บรรดาผู้สนับสนุนเธอต่างพากันสวมชุดสีส้มและมารวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมประชาชน ซึ่งเป็นองค์กรภาครัฐกึ่งประชาสังคมที่ King George’s Avenue เพื่อส่งแรงใจให้เธอ พวกเขาพากันเป่านกหวีดและตะโกนเรียกชื่อเธอเมื่อเธอมาถึงในเวลาประมาณ 11.30 น. โดยเธอเดินทางมาพร้อมกับนายโมฮัมเหม็ด อับดุลลาห์ สามีของเธอ
ทั้งนี้ เธอได้ผ่านการรับรองคุณสมบัติจากคณะกรรมการการเลือกตั้งประธานาธิบดี และเธอเป็นผู้เดียวที่มีหวังจะได้เป็นประธานาธิบดีในบรรดาผู้สมัคร 3 รายที่มีศักยภาพ
ในปีนี้ ตำแหน่งประธานาธิบดีถูกสงวนสิทธิไว้ให้กับผู้สมัครเชื้อชาติมาเลย์ ทำให้นักธุรกิจอีก 2 คนคือ โมฮาเหม็ด ซัลเลห์ มาริกัน และ ฟาริด ข่าน ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับเธอ
ภายใต้การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีผลบังคับใช้ในเดือนมิ.ย.ปีนี้ ผู้สมัครต้องแสดงหลักฐานว่าเป็นผู้บริหารบริษัทที่มีมูลค่าอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้เธอมีคุณสมบัติสำหรับผู้ที่เคยทำงานในองค์กรภาครัฐ เนื่องจากเธอเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นโฆษกรัฐบาลมานานกว่า 3 ปี
ทั้งนี้ หลังจากมีการประกาศว่าเธอได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีแบบไร้คู่แข่ง คล้ายกับเป็นการแต่งตั้งโดยตรงมากกว่า จึงมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งมากมายแพร่กระจายในโลกออนไลน์ของสิงคโปร์
ก่อนหน้านี้ เธอเคยกล่าวกับสื่อว่า “ ดิฉันสัญญาว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเท่าที่ดิฉันจะทำได้เพื่อรับใช้ประชาชนชาวสิงคโปร์ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้ง หรือไม่มีก็ตาม”.