PFผนึก’เซกิซุย-ฮ่องกงแลนด์’ลุยอสังหาครึ่งปีหลัง
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เผยปลายปีนี้ เตรียมเปิดตัวโครงการร่วมทุนกับต่างประเทศ ทั้งบ้านนวัตกรรมร่วมกับเซกิซุยฯ และจับมือฮ่องกงแลนด์ เปิดตัวบ้านหรูริมทะเลสาบ “เลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ” แจงครึ่งปีแรกำไรสุทธิสูง 1,132 ล้านบาท
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวถึงทิศทางธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2562 ว่า บริษัทยังรุกเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน ที่เป็นการยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัย ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศในเดือนพฤศจิกายน จะเปิดตัวคฤหาสน์คอลเลกชันใหม่ในระบบโมดูลาร์ ที่มาพร้อมนวัตกรรมอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เพิ่มเติมในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ สุขุมวิท 77 มูลค่า 962 ล้านบาท และยังจะมีการเปิดตัวโครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์โครงการแรก คือ “เลคเลเจนด์ แจ้งวัฒนะ” เป็นบ้านหรูริมทะเลสาบ จำนวน177 ยูนิต ระดับราคา 19-60 ล้านบาท พื้นที่โครงการ 102 ไร่ มูลค่าโครงการ 5,070 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้น (ม.ค.-มิ.ย.62) ดีกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา แม้รายได้จากธุรกิจอสังหาฯจะลดลง แต่มีรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่ม อีกทั้งยังมีรายได้และกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน โดยบริษัทมีรายได้รวม 10,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่สามารถทำกำไรสุทธิได้ 1,132 ล้านบาท เติบโตขึ้น 225%
“ แนวโน้มครึ่งปีหลัง คาดว่าผลประกอบการจะดียิ่งกว่าครึ่งปีแรก ทั้งจากการดำเนินงานและการขายที่ดิน โดยปีนี้เป็นปีที่บริษัทจะทำยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้ดีที่สุด เนื่องจากครึ่งปีหลังบริษัทมียอดขายทยอยรับรู้รายได้รวม 4,700 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 1,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียมในประเทศ 1,400 ล้านบาท และยังมียอดรอโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการคอนโดมิเนียม “ยู คิโรโระ” ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาในปลายปีนี้ จำนวน 1,800 ล้านบาท และจะเข้ามาในครึ่งปีแรกของปี 2563 อีก 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทคืนทุนทั้งหมด จากการลงทุนโครงการในประเทศญี่ปุ่นภายในต้นปี 63”
นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีรายได้เพิ่มจากการขายที่ดินให้แก่กิจการร่วมทุน และบุคคลอื่น รวมทั้งขายการลงทุนอีก 3,000 ล้านบาท ความสามารถในการทำกำไรและรายได้ที่เข้ามาในหลายทาง นอกจากใช้ในการลงทุนโครงการใหม่ ยังจะทำให้บริษัทสามารถลดภาระหนี้ลงได้อย่างรวดเร็วเป็นจำนวนกว่า 4,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับแผนการเพิ่มทุนของบริษัทในครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิ ลดลงมาอยู่ที่1.4 เท่า ณ สิ้นปีนี้.