สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 14 ต.ค. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.ตาก (141 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.อุบลราชธานี (89 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (50 มม.) ภาคกลาง : จ.พระนครศรีอยุธยา (81 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (116 มม.) ภาคใต้ : จ.นครศรีธรรมราช (114 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ตอนล่าง และอ่าวไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางพื้นที่
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 15–16 ต.ค. 68. ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก อ่าวไทยตอนบน ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 86% ของความจุเก็บกัก (68,894 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 77% (44,868 ล้าน ลบ.ม.)
3.สถานการณ์น้ำ:
• สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
– 4 เขื่อนหลัก ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ ปัจจุบัน
– เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำ 12,396 ล้าน ลบ.ม. (92%) น้ำไหลเข้า 39.04 ล้าน ลบ.ม. และระบายน้ำในอัตรา 4.99 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
– เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำ 9,200 ล้าน ลบ.ม. (97%) น้ำไหลเข้า 30.85 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำในอัตรา 30.00 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
– เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ปริมาตรน้ำ 944 ล้าน ลบ.ม. (100%) น้ำไหลเข้า 12.45 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำในอัตรา 12.96 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
– เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาตรน้ำ 818 ล้าน ลบ.ม. (82%) น้ำไหลเข้า 38.65 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำในอัตรา 8.65 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
– สถานี C.2 อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ วันที่ 13 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,645 ลบ.ม. ต่อวินาที ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 1.47 ม.
– เขื่อนเจ้าพระยา วันที่ 13 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น. ระบายน้ำในอัตรา 2,300 ลบ.ม. ต่อวินาทีมีระดับน้ำเหนือเขื่อน +16.060 ม.รทก. และระดับน้ำท้ายเขื่อน +15.470 ม.รทก.
• สถานการณ์แม่น้ำมูล วันที่ 13 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น.
– สถานี M.7 อ.เมืองฯ จ.อุบลราชธานี ปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,138 ลบ.ม. ต่อวินาที สูงกว่าระดับตลิ่ง 1.47 ม.
4.การให้ความช่วยเหลือ :
– กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยเร่งดำเนินการติดตั้งสะพานเบลีย์ (Bailey Bridge) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการเดินทางของประชาชน ในพื้นที่ อ.เซกา จ.บึงกาฬ พร้อมทั้งดำเนินการสูบระบายน้ำในพื้นที่การเกษตร 9 จุดเพื่อเร่งพร่องน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังในพื้นที่ จ.สุโขทัย และประสานให้จังหวัดเร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยเร็วที่สุด
– กรมทางหลวงชนบท ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายบอกระดับน้ำ และปักเสาแสดงแนวเขตทางอย่างชัดเจน และเมื่อระดับน้ำลดลง ให้เข้าประเมินความเสียหายและเร่งดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้น เพื่อเปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจรได้โดยเร็ว รวมทั้งบูรณาการร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสนับสนุนกำลังคน เครื่องจักรกล รถบรรทุกน้ำ ยานพาหนะ และทรัพยากรที่จำเป็น เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์โดยเร่งด่วน รวมถึงจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 ต.ค. 68



