สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 21 ส.ค. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ (68 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.เลย (54 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (38 มม.) ภาคกลาง : จ.นครปฐม (51 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (14 มม.) ภาคใต้ : จ.พัทลุง (102 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 22 – 26 ส.ค. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกหนักมาก เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 66% ของความจุเก็บกัก (52,801 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 49% (28,683 ล้าน ลบ.ม.)
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 68.ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ ครั้งที่ 10/2568 โดยมี ผู้แทน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.พะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ได้แก่ การขุดลอกแม่น้ำสาย และการซ่อมแซมจุดคันกั้นน้ำขาดบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย
สืบเนื่องจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนืออย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยประสบอุทกภัย แม้ปัจจุบันสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่จากเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้พื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เกิดแนวคันกั้นน้ำชำรุดเสียหายหลายจุด ซึ่งกองทัพบกโดยกรมการทหารช่างได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้ร่วมวิเคราะห์และคาดการณ์ปริมาณฝน พบว่า ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 68 เป็นต้นไป ฝนจะเริ่มตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนือ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น และตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. 68 อาจเกิดพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในบริเวณทะเลจีนใต้ เคลื่อนเข้ามาในทิศทางที่มีลักษณะคล้ายพายุวิภา จะส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงสูงขึ้นช่วงปลายเดือน ส.ค. ถึงต้นเดือน ก.ย. 68รองนายกรัฐมนตรีได้มีความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว จึงสั่งการให้ สทนช. ลงพื้นที่และประชุมคณะทำงานฯ เพื่อให้จังหวัดและหน่วยงานต่าง ๆ รับทราบสถานการณ์และเตรียมความพร้อมล่วงหน้า
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการซักซ้อมและเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การเร่งพร่องระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากเพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำฝน โดยไม่กระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ และไม่ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่รอบกว๊านพะเยา ที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 50% ของความจุเก็บกัก ซึ่งยังมีพื้นที่ว่างบริหารจัดการได้ โดยกรมอุตุนิยมวิทยาพร้อมให้บริการข้อมูลเฉพาะพื้นที่ที่มีความแม่นยำและเป็นการล่วงหน้าให้กับจังหวัดเพื่อนำไปใช้แจ้งเตือนประชาชน ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA จะสนับสนุนข้อมูลความชื้นในดินอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนือปัจจุบันมีค่าความชื้นในดินสูง จะส่งผลให้ฝนที่ตกลงมาส่วนใหญ่ กลายเป็นน้ำท่าและไหลลงสู่ลำน้ำ ซึ่งต้องประเมินระดับน้ำแต่ละแห่งอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง จะต้องมีการแยกประเภทของเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำให้ชัดเจนระหว่าง คุณภาพน้ำเพื่อการเกษตร ได้แก่ เพื่อการเพาะปลูกข้าว การเลี้ยงสัตว์น้ำ และคุณภาพน้ำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การผลิตประปา เป็นต้น รวมทั้งให้มีการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้ประชาชนต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 20 ส.ค. 68