อินโดนีเซียอาจพลาดเป้าผลิตพลังงาน
แผนการเร่งเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 350,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2562 ของอินโดนีเซียอาจพลาดเป้า
โดยอินโดนีเซียมีโครงการที่ตั้งเป้าว่า จะผลิตไฟฟ้าให้ประชาชนให้ได้ถึง 97% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 88% ในปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
จากการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 ต.ค. นายยูซุฟ คัลลา รองประธานาธิบดีอินโดนีเซียกล่าวกับสำนักข่าวแชนแนลนิวส์เอเชียว่า แผนการที่วางไว้อาจจะสำเร็จลุล่วงได้เพียง 75% จากเป้าภายในปี 2562
“ เราหวังว่าจะผลิตไฟฟ้าได้อย่างน้อย 25,000 เมกะวัตต์ในปี 2562 แต่อีก 10,000 เมกะวัตต์อาจต้องล่าช้าออกไปอีก 1-2 ปี โดยคาดว่าเราจะทำได้ 75% ของเป้าที่ตั้งไว้ ” รองประธานาธิบดีคัลลาซึ่งเป็นผู้เสนอโครงการผลิตพลังงานเพิ่มกล่าว
โดยแผนการผลิตพลังงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปประเทศของประธานาธิบดีโจโค วิโดโด เพื่อจัดหาไฟฟ้าให้เพียงพอกับจำนวนประชากร โดยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มการผลิตไฟฟ้าให้ได้ 7,000 เมกะวัตต์ต่อปี ซึ่งจะทำให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามากกว่า 200 แห่ง
การไฟฟ้าแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจะพัฒนาการผลิตไฟฟ้าให้ได้ 10,000 เมกะวัตต์ และอีก 25,000 เมกะวัตต์จะมาจากกำลังการผลิตของภาคเอกชน
นายเอดิ สะปุตรา นักวิเคราะห์อาวุโสที่ Wood Mackenzie ให้ความเห็นว่า “ อย่างแรกเลย ความเป็นไปได้ที่ทำให้ล่าช้าคือ พื้นที่ ถ้าไม่สามารถมีพื้นที่ที่มั่นคง การใช้จ่ายงบก็อาจไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ”
“ ประการที่สอง ก็เกี่ยวกับการเงิน ความสามารถในการผลิตไฟฟ้า 35 กิกะวัตต์จะเท่ากับการลงทุนถึง 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นงบประมาณก้อนใหญ่มาก ประการที่ 3 คือกระบวนการขอใบอนุญาตและระบบราชการที่ควรราบรื่นไม่สะดุดติดขัด ส่วนข้อสุดท้ายเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากร ”
นายเอดิกล่าวเสริมว่า อินโดนีเซียควรพยายามเร่งทำโครงการพลังงานไฟฟ้าให้สำเร็จอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่งของ 35,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2562
“ ถ้าโครงการนี้ไม่เกิดขึ้น อาจทำให้เกิดการขาดแคลนพลังงานและส่งผลทันทีกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจประจำวัน ในระยะยาว อาจกระทบต่อผลผลิตและฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ” เขากล่าว
โครงการพลังงานของอินโดนีเซียเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวอินโดนีเซียหลายสิบล้านคนยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ในปัจจุบัน
“ ระดับการผลิตไฟฟ้าบริการประชาชนของอินโดนีเซียยังคงต่ำอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และ ประเทศไทย อุตสาหกรรมในประเทศกำลังขยายตัว ประชาชนก็มาก ผมหวังว่าเราจะมีไฟฟ้าสำรองอีก 30% ” นายคัลลากล่าว.