สรุปข่าวประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567
สรุปข่าวประจำวัน ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งแล้ว โดยเจ้าตัว ออกมา บอกว่า จะนำสหรัฐฯ เข้าสู่ยุคทอง ทรัมป์ ยังขอบคุณชาวสหรัฐฯ ที่เลือกให้เป็นประธานาธิบดี และบอกว่านี่คือชัยชนะของชาวอเมริกา โดยจะทำให้สหรัฐฯ กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง “นี่จะเป็นยุคทองของอเมริกา นี่คือชัยชนะของชาวอเมริกัน ที่จะทำให้อเมริกันยิ่งใหญ่อีกครั้ง” ทรัมป์ กล่าวว่า เราจะแก้ไขปัญหาพรหมแดน และแก้ไขปัญหาทุกอย่างของประเทศ โดยจะสร้างเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สหรัฐฯอีกครั้ง
สรุปข่าวประจำวัน
กกร. จับตาเลือกตั้งสหรัฐฯ :
ในที่ประชุม กกร. จับตาเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนัยต่อเศรษฐกิจไทยเบื้องต้น ถือเป็นความเสี่ยงต่อสินค้าไทยที่มีการเกินดุลกับสหรัฐฯ คาดว่าจะกระทบการส่งออกไทยผ่านมาตรการขึ้นภาษีการนำเข้าและการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าสูงและมูลค่าการส่งออกขยายตัวได้ดี เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ และกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าปานกลางและมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวรวดเร็ว เช่น เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์ เป็นต้น นอกจากนี้ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ ย่อมมีผลต่อเศรษฐกิจบ้านเราอย่างแน่นอน มารอลุ้นกันว่าใครได้ ใครแพ้ อย่าคาดสายตาเชียวล่ะ
คาดเฟดอาจหยุดลดดอกเบี้ยปีหน้า :
บรรดาเทรดเดอร์ปรับลดการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีหน้า ขณะที่เริ่มมีการประกาศผลการนับคะแนนเบื้องต้นในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงเย็นวานนี้ (5 พ.ย.) ตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งเทรดเดอร์สัญญาฟิวเจอร์สที่ผูกติดกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในสัปดาห์นี้ และอีกครั้งในเดือนธ.ค. แต่คาดการณ์ในขณะนี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากปรับลดอีกเพียง 2 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 3.75%-4%
นายกฯประชุม GMS Summit :
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รมว.การต่างประเทศ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติคุนหมิงฉางสุ่ย นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มต้นภารกิจการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Economic Cooperation Program Summit: GMS Summit) ครั้งที่ 8 และการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 6-7 พ.ย. 2567 อย่างเป็นทางการ
จับตาบทบาทของนายกฯ :
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Economic Cooperation Program Summit: GMS Summit) ครั้งที่ 8 และการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ครั้งที่ 10 ในวันพุธ-พฤหัสบดีที่ 6-7 พ.ย. 2567 ณ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยการประชุมระดับสุดยอดผู้นำ GMS summit ครั้งที่ 8 ครั้งนี้ ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ภายใต้หัวข้อหลัก “มุ่งสู่การเป็นประชาคมที่ดีกว่าเดิมด้วยการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม”
โดยมีประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ผู้แทนสภาธุรกิจ GMS ร่วมกับผู้นำ 6 ประเทศ ไทย ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม และเจ้าภาพจีน(เฉพาะมณฑลยูนนาน และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง) โดยมี วิสัยทัศน์การพัฒนาเพื่อให้เป็นอนุภูมิภาคที่มีการบูรณาการมากขึ้นโดยมีเป้าหมายความเจริญรุ่งเรือง มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ให้ประชาชนทุกคนในภูมิภาคผ่านความร่วมมือ 3 เสาหลัก คือ การสร้างความเชื่อมโยง (Connectivity) การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) และการสร้างประชาคม (Community)
นอกจากการประชุม GMS ครั้งที่ 8 แล้ว ยังมีการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ซึ่งเป็นครั้งที่ 10 โดยสปป. ลาว ในฐานะประธานของ ACMECS กำหนดจัดการประชุมครั้งนี้ภายใต้หัวข้อ “มุ่งสู่ความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อเพื่อการรวมตัวของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” โดยมีสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนามและเมียนมา โดยมีเป้าหมาย เพื่อทบทวนความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้ 3 สาขาหลักของแผนแม่บท ACMECS ปี ค.ศ. 2019-2023 ได้แก่ 1.ความเชื่อมโยงไร้รอยต่อ (Seamless Connectivity) 2.การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ (Synchronized Economies) และ 3. การพัฒนาภูมิภาคอย่างยั่งยืนและมีนวัตกรรม (Smart and Sustainable ACMECS) ทั้งนี้ประเทศเมียนมา จะเป็นประธานวาระต่อไปปี 2568 – 2569
หุ้น ตปท.-ไทย :
ปิดตลาด (6 พ.ย. ) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 5,929.04 จุด เพิ่มขึ้น 146.28 จุด (2.53%) แนสแด็ก ปิดที่ 20,781.33 จุด เพิ่มขึ้น 553.88 จุด (2.74%) เอสแอนด์พี ปิด 5,929.04 จุด เพิ่มขึ้น 146.28 จุด (2.53%) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด 1,467.42 จุด ลดลง 14.25 จุด (0.96%) มูลค่า 57,315.85 ล้านบาท
น้ำมัน :
PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ทุกชนิด และพรีเมี่ยม GSH95 ขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 7 พ.ย. 2567 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็น ดังนี้ ULG = 44.24, GSH95 = 35.95, E20 = 33.84, GSH91 = 35.58, E85 = 33.59, พรีเมี่ยม GSH95 = 44.54, HSD = 32.94, พรีเมี่ยมดีเซล = 44.94 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้น ยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
7 พ.ย. 67 เวลา 05.00 น. บางจากฯ ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด +40 ส.ต. ยกเว้น Hi Premium 97 และกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม BCP Retail Price: GSH95S EVO 35.95/ GSH91S EVO 35.58/ GSH E20S EVO 33.84/ GSH E85S EVO 33.59 Hi Premium 97 (GSH95++) 49.84 / Hi Diesel S 32.94/ Hi Premium Diesel S 47.14 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่กทม.)
ทองคำขึ้น 400 บาท :
ราคาทองคำเมื่อวันที่ (6 พ.ย.) มีประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 43,950.00 บาท ขายออกบาทละ 44,050.00 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 43,160.52 บาท ขายออกบาทละ 44,550.00 ราคาทองคำขึ้น 400 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 5 พ.ย.
เงินบาทอ่อนค่าลง :
สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (6 พ.ย.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 34.1185 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 44.2783 บาทต่อ 1 ปอนด์, 36.9604 บาทต่อ 1 ยูโร, 22.4781 ต่อ 100 เยน, 4.4087 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 25.8773 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.8560 ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
รับมือน้ำท่วมภาคใต้ :
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเน้นย้ำให้ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ล่วงหน้า อีกทั้งกำชับให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เตรียมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สามารถออกปฏิบัติการทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้น
แก้กันอย่างต่อเนื่อง :
สมกับเป็นนักกฎหมายจริงๆสำหรับพี่ตุ๋ย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อไปกล่าวในการบรรยายพิเศษหัวข้อ “ทิศทางของน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพในอนาคต” ในกิจกรรมศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการพัฒนาให้กับ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) และผู้เกี่ยวข้อง
ครั้งนี้พี่ตุ๋ยมีแนวคิดจะนำรูปแบบการแก้ปัญหาเรื่องอ้อยกับน้ำตาล ตามพ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 มาปรับใช้ โดยเล็งเห็นแนวทาง ของการแก้ปัญหาเรื่องอ้อยและน้ำตาลเพราะหากปล่อยไว้โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน จะได้รับผลกระทบ
จึงเตรียมยกร่างกฎหมาย เหมือนพ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาลฯ ให้เป็นกฎหมายปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรม น้ำมันปาล์ม อยู่ในความรับผิดชอบกระทรวงอุตสาหกรรม
หลังจากนี้ก็จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการ ฟังแล้วก็เหมือนแพทเทรินเดิมเหมือนเคยได้ยินมา
ก็ไม่รู้ว่าเวลานี้กฎหมายที่พี่ตุ๋ยจะแก้มีกี่ฉบับ และสำเร็จลุล่วงไปกี่ฉบับแล้วล่ะขอรับเจ้านาย เพราะเอะอะแก้ไปเสียหมด
ยอดโดยสารผ่านทางรถไฟจีน-ลาว :
บริษัท ทางรถไฟลาว-จีน จำกัด (LCRC) รายงานเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) ว่า ทางรถไฟจีน-ลาว ส่วนในลาว ขนส่งผู้โดยสารรวม 3 ล้านครั้งในช่วง 10 เดือนม.ค.-ต.ค. เพิ่มขึ้น 44.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 โดย รายงานระบุว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-4 พ.ย. ทางรถไฟขนส่งผู้โดยสารแล้ว 3 ล้านครั้งจาก 101 ประเทศ โดยมีผู้โดยสารมากกว่า 2.8 ล้านคนที่เดินทางภายในลาว ขณะที่ผู้โดยสารกว่า 1.08 แสนคนเดินทางผ่านขบวนรถไฟข้ามพรมแดน
สานสัมพันธ์ญี่ปุ่น-รัฐบาลสหรัฐฯ :
โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวในวันนี้ (6 พ.ย.) ว่า ญี่ปุ่นมีเป้าหมายที่จะสร้างความไว้วางใจและความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ เพื่อส่งเสริมความเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงระดับทวิภาคีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป ซึ่ง โยชิมาสะ ฮายาชิ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวในการแถลงข่าวว่า การเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ถือเป็นแกนหลักของนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของญี่ปุ่น
“โตโยต้า” เผยกำไรรายไตรมาส :
โตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (6 พ.ย.) ว่า ผลกำไรรายไตรมาสลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เนื่องจากยอดขายและปริมาณการผลิตที่ชะลอตัวทำให้ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาหยุดชะงัก ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานของโตโยต้าในไตรมาส 2 (เดือนก.ค.-ก.ย.) อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านเยน (7.81 พันล้านดอลลาร์) ลดลง 20% จาก 1.4 ล้านล้านเยนในปีงบการเงินก่อนหน้า และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยแอลเอสอีจี (LSEG) ที่ 1.2 ล้านล้านเยน
สุดเศร้า ต้น พลกฤษณ์ โพสต์อาลัย :
วงการบันเทิงต้องเผชิญกับการสูญเสียอีกครั้ง กับนักแสดงดังจากช่อง 7 สี ฉายา โอ๋ ถ้ำเสือ ที่มักจะรับบทเป็นสตั๊นท์แมนอยู่บ่อยๆ ได้จากไปอย่างสงบในวัย 59 ปี ล่าสุด ต้น พลกฤษณ์ นักแสดงละครพื้นบ้านจักรๆ วงศ์ๆ ได้ออกมาโพสต์ข้อความอาลัยผ่านโซเชียล โดยเผยว่า “R.I.P. โอ๋ ถ้ำเสือ” โดยกล่าวว่า ได้ร่วมงานกับ “โอ๋” บ่อยครั้งในหลายๆ ละครแอ็คชั่นที่ผ่านมา และเพิ่งได้มีโอกาสทักทายกันเมื่อไม่นานมานี้ โดยทราบว่า “โอ๋” ป่วย แต่ไม่คิดว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้
ชาวเน็ตทนไม่ไหว :
เป็นเรื่องที่หลายๆ คนฟังแล้วต้องร้องว้าว กับการทำบุญแบบไม่ออกสื่อของซุปตาร์ตัวแม่ ชมพู่ อารยา โดยเรื่องดังกล่าวถูกชาวเน็ตนำมาเล่าในติ๊กต็อก พร้อมกับยืนยันว่าตนอยู่ในเหตุการณ์และเห็นตอนที่ชมพู่ อุ้มลูกไปทำบุญ หลังจากที่เก็บงำเรื่องนี้มานาน 2 ปี โดยชาวเน็ตคนดังกล่าวยังบอกว่า เรื่องนี้คือเรื่องจริง กล้าสาบาน 9 วัด 7 วันไม่ซ้ำเลย ซึ่งมีเนื้อหาคร่าวๆ ว่า คุณอารยา อัลเบอร์ตา ฮาร์เก็ต ถวายภัตตาหารเพลพระจำนวนร้อยกว่ารูป 1 เดือน และเจ้าตัวไม่โพสต์รูปลงโซเชียล แม่ชมกระเตงน้องแอบิเกลหยอดบาตรพระจำนวนร้อยกว่ารูป พระอาจารย์บอกว่า ชมพู่ทำแบบนี้ทุกปี จะส่งคนนำอาหารมาถวายตลอด
นั่งตำแหน่งต่อเนื่อง :
ศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากชาติสมาชิก นั่งตำแหน่งเลขาธิการสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลกอีกสมัย
ลุ้นประมุขคนใหม่ :
สมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย เตรียมจัดประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2567 พร้อมเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาทางน้ำวาระคนใหม่ ในวันเสาร์ที่ 9 พ.ย.6
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สลาก N3 งวดแรกเงียบสนิท ขาย 1.7 ล้านรายการ จากเป้า 5 ล้าน