ข่าวเด่น เย็นนี้ 24 ต.ค.2567
ข่าวเด่น เย็นนี้ เห็นด้วยหรือไม่ กับแนวคิด เก็บค่าธรรมเนียมรถติด
เรื่องที่ 4,318 ภายหลังการประกาศเดินหน้านโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” โดยรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ประกาศเดินหน้าแน่นอนทุกเส้นทาง พร้อมกำหนดการที่ชัดเจนภายใน “เดือนก.ย. 2568”
สำหรับประเด็นที่น่าสนใจภายใต้นโยบายนี้ ก็คือ กระทรวงการคลัง ที่ได้เริ่มต้นศึกษาแนวคิดการจัดเก็บ “ค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge)” ในพื้นที่กรุงเทพฯ ย่านสุขุมวิท รัชดาภิเษก และ สีลม เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดหนักหน่วงในเมืองกรุง จูงใจให้ประชาชนใช้บริการสาธารณะที่ราคาถูกและเข้าถึงได้เป็นทางหลัก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีปริมาณการจราจรราว 7 แสนคันต่อวัน
โดยแนวคิดนี้ได้แรงบันดาลใจจากประเทศพัฒนาแล้วที่มีการดำเนินการและประสบความสำเร็จ อาทิ สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) สิงคโปร์ อิตาลี สวีเดน นอร์เวย์ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา โดยรายได้จากการจัดเก็บนี้ จะนำมารวมอยู่ในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะจัดเก็บในอัตราเพิ่มขึ้น อาทิ ใน 5 ปีแรกจัดเก็บคันละ 50 บาท คาดว่าจะได้รายได้ส่วนนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี
รัฐบาลได้ยกรายงานศึกษาจากศูนย์ศึกษาความยั่งยืนของมหาวิทยาลัยลุนด์ (Lund University Centre for Sustainability Studies) ศึกษา 12 เมืองของยุโรป พบว่านโยบายที่ได้ผลดีที่สุดการจราจรกลางเมืองคือการจัดตั้งโซนรถติดและเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าพื้นที่ด้วยรถยนต์เป็นกระบวนการที่ลดการใช้รถยนต์ได้ดีที่สุด
โดยลอนดอน พบว่าหลังจากใช้เขตรถติดและเริ่มเก็บค่าเข้าพื้นที่ (ปัจจุบัน 15 ปอนด์ หรือราว 660 บาท) พบว่าหลังจากเริ่มเก็บ ปริมาณการจราจรลดลง 33% เมืองอื่นๆ เช่น มิลาน สตอคโฮม และโกเธนเบิร์ก(สวีเดน) พบว่าย่านจราจรหนาแน่นกลางเมืองลดลง 12-33% กลยุทธ์อื่นๆ เช่น ลดที่จอดรถ เปลี่ยนเป็นสวน และ ทางจักรยาน รวมถึงการห้ามเข้าพื้นที่เป็นช่วงเวลา ลดได้ราว 10-20%
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องคิดตามคือนโยบายนี้ใช้กับ กทม.ได้หรือไม่ เพราะต้องอย่าลืมว่า ลอนดอน กับ กทม.มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่ต่างกันมาก
เรื่องที่ 4,319 เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรัฐมนตรีที่เข้ามารับตำแหน่งที่กระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับ “วันชัย พนมชัย” เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือสมอ.
ไม่ว่า รมว. จะสั่งการ หรือต้องการขับเคลื่อนนโยบายไปในทิศทางไหน หากเกี่ยวข้องกับ สมอ. ขอเพียงแค่ส่งเสียงมา เลขาฯวันชัย ก็สามารถจัดการให้ได้ทันทีอย่างรวดเร็วตามที่ต้องการ
ล่าสุด “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่ มุ่งเน้นเรื่องการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ดังนั้น สิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป เพื่อให้นโยบายเกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลก็คือการออกมาตรฐานให้มาเพื่อมารองรับ
แน่นอนว่างานนี้ รมว.ขิงไม่ผิดหวัง เพราะ สมอ. จัดให้เพิ่มแล้วถึง 512 มาตรฐานจากการขออนุมัติเป็นครั้งแรกของปี 68 แบ่งเป็น กลุ่ม S-Curve จำนวน 125 มาตรฐาน และกลุ่ม New S-Curve จำนวน 94 มาตรฐาน
ทำงานได้ดั่งใจปรารถนาแบบนี้ เก้าอี้ของเลขาฯ วันขัย น่าจะมั่นคงแข็งแรงจริงไหมล่ะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 4,320 ธ.ก.ส. ก็ต้องคู่กับอะไรเขียว ๆ ล่าสุด เปิดตัวโครงการเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ “เงินฝากเขียวชอุ่ม” เนื่องในโอกาสครบรอบสถาปนาธนาคาร ปีที่ 59 ในวันที่ 1 พ.ย. 67 รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมการออมให้แก่ประชาชน และเกษตรกร เป็นเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ ระยะสั้น รับฝากรวม 10,000 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.11% ต่อปี ระยะเวลาฝาก 5 เดือน (นับจากวันรับฝากแบบวันชนวัน) ฝากขั้นต่ำครั้งละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อบัญชี โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝากเขียวชอุ่ม และกรณีผู้ฝากถอนเงินบางส่วน หรือปิดบัญชีก่อนกำหนด ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด จองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.-4 พ.ย.67 และเปิดบัญชี ณ สาขาที่แจ้งความประสงค์ไว้ เพื่อฝากเงินได้ตั้งแต่วันที่ 1-4 พ.ย.67 ใครเล็ง ๆ ไว้ ก็พุ่งตัวไปตามวันเวลาได้เลยนะขอรับ
สรุปข่าวเด่นต่างประเทศ
เรื่องที่ 4,321 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2568 ฉบับปรับปรุง โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 6.1% ในปีหน้า ซึ่ง IMF ระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์ของปี 2568 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ของปี 2567 แต่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัว 3.5% ในปี 2568 ซึ่งลดลง 0.6% จากปี 2567
ด้านกระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนามคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตราว 6.5%-7.5% ในปี 2568 โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมสมัชชาแห่งชาติในสัปดาห์นี้ว่า รัฐบาลจะพยายามผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ถึง 7%-7.5% ในปี 2568
เรื่องที่ 4,322 กระทรวงเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาประกาศเมื่อวานนี้ (23 ต.ค.) ว่า ธนาคารโลกและธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งทวีปอเมริกา (IDB) จะให้เงินสนับสนุนมูลค่ารวม 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่รัฐบาลอาร์เจนตินาที่กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนเงินทุนอย่างหนัก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ ระหว่างคณะผู้บริหารระดับสูง นำโดยลูอิส คาปูโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจอาร์เจนตินา กับตัวแทนสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เพื่อหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจอาร์เจนตินาที่ซบเซามาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ธนาคารโลกยังจะสนับสนุนเงินทุนอีก 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการในภาคเอกชน ทั้งด้านเหมืองแร่ พลังงานหมุนเวียน สาธารณสุข อุตสาหกรรมเหล็ก และการบิน
เรื่องที่ 4,323 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ปีนี้ หรือในเดือนม.ค.ปีหน้า ซึ่งนักวิเคราะห์เกือบทุกคนจากทั้งหมด 53 คนที่ได้รับการสำรวจโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ในการประชุมวันที่ 30-31 ต.ค.นี้ คณะกรรมการ BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% โดยในจำนวนนี้มี 53% ที่คาดการณ์ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ขณะที่ 32% คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในเดือนม.ค.ปีหน้า เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% ในการสำรวจครั้งก่อน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ต่างก็จับตาการส่งสัญญาณด้านนโบายของ BOJ ในการประชุมสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด โดยในขณะที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงไม่แน่นอนนั้น คาดว่า คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ จะยังไม่ส่งสัญญาณใด ๆ ที่ชัดเจนในการประชุมครั้งนี้ แต่อาจจะย้ำถึงจุดยืนที่ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากแนวโน้มเงินเฟ้อเป็นไปตามที่ BOJ คาดการณ์ไว้
เรื่องที่ 4,324 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (23 ต.ค.) รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีนได้รายงานการค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ในฮ่องกงเป็นครั้งแรกบนเกาะชื่อโจวของอุทยานธรณีโลกยูเนสโกแห่งฮ่องกง ในน่านน้ำทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮ่องกง
สำนักงานโบราณวัตถุและอนุสรณ์สถานของรัฐบาลฮ่องกงได้รับแจ้งเมื่อเดือนมี.ค.ว่า หินตะกอนบนเกาะชื่อโจวอาจมีฟอสซิลสัตว์มีกระดูกสันหลังโบราณ สำนักพัฒนาของรัฐบาลฮ่องกงจึงมอบหมายให้ทีมผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันบรรพชีวินวิทยาสัตว์มีกระดูกสันหลังและบรรพมานุษยวิทยา สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน เดินทางมายังฮ่องกงเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบ ศึกษาตัวอย่างฟอสซิล แนะนำแผนการจัดการ และหารือการติดตามผล โดยการยืนยันเบื้องต้นระบุว่าฟอสซิลนี้มาจากยุคครีเทเชียส (ราว 145-66 ล้านปีก่อน) โดยการค้นพบนี้มีนัยสำคัญมากและเป็นหลักฐานใหม่สำหรับการวิจัยทางบรรพชีวินวิทยาในฮ่องกง ซึ่งจะนำไปสู่การวิจัยติดตามผลอันเป็นโครงการความร่วมมือแรกภายใต้ข้อตกลงใหม่ระหว่างฮ่องกงกับแผ่นดินใหญ่
โดยนพวัชร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดขายวันแรก สลาก N3 หลังทดสอบฉลุย