คลังเล็งเสนอกาสิโนเข้า ครม.
สศค.พร้อมลุย “เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” ชงกระทรวงการคลังเปลี่ยนร่าง พ.ร.บ.ใหม่ เป็น “สถานประกอบการท่อง เที่ยวครบวงจร” ลุ้น 5 จังหวัด ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง หัวหิน กทม. พร้อม!! ที่สุดเบื้องต้นมี 10 กิจกรรมท่องเที่ยว ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า สวนสนุกไปจนถึงสินค้าโอทอป เสริมธุรกิจกาสิโน เล็งเก็บค่าหัวคนไทยเล่นพนัน 1-2 พันบาทต่อราย
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดรับฟังความคิด เห็นในการยกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ตั้งแต่วันที่ 2-18 ส.ค.2567 เพื่อรับฟังความเห็นจากส่วนราชการ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนทั่วไป ผ่านทางเว็บไซต์ของ สศค. และผ่านระบบกลางของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) มีความเห็นที่หลากหลายมาก โดยมีประเด็นเห็นฟ้องตรงกันว่า ควรแก้ไขชื่อ พ.ร.บ.ใหม่เป็น ร่าง พ.ร.บ.สถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจร” หรือ Integrated Resort Act เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ในเชิงบวกต่อโครงการ
โดยได้กำหนดโครงสร้างและการบริหารจัดการของคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรองนายกฯ เป็นรองประธานกรรมการโดยกรรมการ 9 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกิน 6 คน เพื่อกำหนดนโยบายของสถานบันเทิงครบวงจรทั้งหมด รวมทั้งการดูแลการบริหารจัดการ การป้องกันแก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบ การกำหนดจำนวนใบอนุญาตและพื้นที่ประกอบ การ ตลอดจนหลักเกณฑ์เงื่อนไขการขออนุญาต และเลิกประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ประเภทกิจการ อาจดำเนินการได้ เวลาเปิด-ปิด หลักเกณฑ์ผู้ถือหุ้น การพิจารณาต่ออายุหรือเพิกถอนใบอนุญาต เป็นต้น
“การรับฟังความเห็น พบว่า คณะกรรมการฯ มีอำนาจมากเกินไป ตามร่างเดิม ก่อนรับฟังความเห็นจากประชาชน โดยเสนอว่า ควรกำหนดอำนาจของคณะกรรมการบริหาร หรือมีการกำหนดหลักเกณฑ์ของการประกอบสถานบันเทิงครบวงจรไว้ในร่าง พ.ร.บ.ให้ชัดเจน”
นายพรชัย กล่าวว่า ในการประกอบธุรกิจในสถานบันเทิงครบวงจร มีข้อเสนอ ให้กำหนดธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.อย่างน้อย 9 ประเภท ประกอบด้วยประเภทธุรกิจต่าง ๆ ดังนี้ 1.ห้างสรรพสินค้า 2.โรงแรม 3.ร้านอาหาร ไนท์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์ 4.สนามกีฬา 5.ยอร์ช และครูซซิ่งคลับ 6.สถานที่เล่นเกม 7.สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 8.สวนสนุก 9.พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP และ10 .กิจการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด
ด้านจัดเก็บภาษี เสนอให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับผู้ประกอบการ โดยไม่ควรเก็บภาษีเงินได้จากผู้เล่น ทั้งที่เป็นคนไทย และคนต่างชาติ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ผู้รับใบอนุญาตในช่วง 10 ปีแรก ด้านการคัดเลือก และสัดส่วนผู้ถือหุ้นของผู้รับใบอนุญาต ควรเปิดประมูลอย่างเป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ กำหนดคนไทยถืออย่างน้อย 30-51% เพื่อให้เอกชนในไทยมีรายได้ ควรกำหนดอายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ฝ่ายมองว่า 10 ปี บางฝ่ายมองว่า ใบอนุญาต 30 ปี ต่ออายุได้อีก 30 ปี หรือกำหนดให้ใบอนุญาตมีอายุ 50-60 ปี จึงถือว่า ยังไม่มีข้อสรุป โดยผู้ได้รับใบอนุญาต ควรอยู่ที่ 3 ราย แต่ไม่เกิน 7 ราย การกำหนดพื้นที่มีใบอนุญาต เช่น ในกรุงเทพฯ มีไม่เกิน 3 ราย และนอกกรุงเทพฯ มีไม่เกิน 7 ราย
สำหรับสถานที่ตั้ง และการเก็บค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโน ต้องกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจนใน พ.ร.บ. เช่น ต้องมีที่ตั้งนอกเขตกรุงเทพฯ และปริมลฑล เพื่อกระจายรายได้ ควรกระจายไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง หัวหิน หรือ กทม.
สำหรับค่าธรรมเนียมการเข้าเล่นกาสิโนของคนไทย 1,000-2,000 บาท ในช่วง 10 ปี อัตราเดียวกันทั่วประ เทศ ส่วนในด้านพื้นที่ให้บริการกาสิโน มีสัดส่วน 5-20% ของพื้นที่เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ทั้งหมด ควรเปิดทำการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ควรให้มีการเล่นชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ เช่น มวย, ม้า และประเภทของกาสิโน เล่นในต่างประเทศเทียบเคียงด้วย
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอ จัดตั้งกองทุนเพื่อเยียวยาผลกระทบทางสังคม มีมาตรการป้องกันไม่ให้ สถานบันเทิงครบวงจรอาจกลายเป็นแหล่งของการฟอกเงินของกลุ่มสีเทา มีแนวทางป้องกันปัญหาด้านสังคม การติดพนัน ครอบครัวแตกแยก ปัญหาอาชญากรรม และความสงบเรียบร้อยของประเทศ เมื่อรัฐมนตรีคลังพิจารณาแล้ว เตรียมนำเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณา และต้องดำเนินการอีกหลายขั้นตอน การผลักดัน Entertainment Complex จึงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายกฯ สั่งคลังเร่งศึกษา Entertainment Complex