สรุปข่าวรอบสัปดาห์ วันที่ 2 ก.ย.- 7 ก.ย. 67
สรุปข่าวรอบสัปดาห์ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ข่าวในประเทศ
ยังยึดเวลาเดิม โดย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยืนยันว่า จ่ายก้อนแรกภายในเดือน ก.ย.นี้ สำหรับเงินหมื่น ดิจิทัล วอลเล็ต ทั้งนี้ จะเป็นการแจกทั้งเงินสดและดิจิทัล พร้อมย้ำอีกว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องรีบ และต้องทำให้เกิดความสมดุลระหว่างเงินสดและวอลเล็ต เพื่อเร่งให้ตัวเงินถึงประชาชนและเศรษฐกิจฟื้นฟูโดยเร็ว ในขณะที่วัตถุประสงค์สำคัญของโครงการนี้ คือ การวางรากฐานทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล อยากทำให้เกิดความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ดังนั้น เม็ดเงินบางส่วนจะต้องมาในรูปแบบวอลเล็ตต่อไป
กระทรวงพาณิชย์ เผย เงินเฟ้อเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.35% ขณะที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.40-0.48% แต่ชะลอลงจากเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 0.83% การสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อดังกล่าว เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด เนื่องจากปริมาณฝนตกหนัก และมีน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูก ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง ขณะที่สินค้ากลุ่มพลังงานราคาลดลง เช่น ค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยคาดว่าในไตรมาส 4/67 จะกลับสู่กรอบเป้าหมายได้
ส่งออกไทยยังโตต่อเนื่อง โดย กกร.ปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกทั้งปีเป็นโต 1.5-2.5% จากประมาณการเดิมที่ 0.8-1.5% หลังการส่งออกของไทยในเดือน ก.ค.โตถึง 15.2% จากแรงหนุนของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลก แต่การเติบโตดังกล่าว ยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้เป็นการเติบโตในวงกว้าง พร้อมกันนี้ กกร.ยังเผย มูลค่าความเสียหายจากน้ำท่วมภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน โดยคาดว่ามูลค่าความ เสียหาย สำหรับช่วงเดือนส.ค. – ต้นเดือนก.ย. จะอยู่ที่ราว 6-8 พันล้านบาท หรือ 0.03-0.04% ของจีดีพี
คนแก่ อาชีพอิสระเตรียมพร้อม กอช. จะขยายกรอบมาตรการให้คนที่มีอายุ 61 ปีขึ้นไป สามารถถือครองหวยเกษียณได้ โดยมีเงื่อนไขต้องถือครอง 10 ปีขึ้นไป จึงจะถอนเงินออกมาได้ และนอกจากนี้ จะให้ผู้ประกันตนที่อยู่มาตรา 40 (บุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือแรงงานนอกระบบ) สามารถซื้อหวยเกษียณได้ ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ประกันตนที่อยู่ในมาตรา 40 จำนวน 10 ล้านคน โดยจะนำเข้าพิจารณาในชั้นคณะกรรมการ กอช.ก่อนที่จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ซึ่งคาดว่าอย่างเร็ว น่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 1/68
แรงงานเตรียมเฮ กระทรวงแรงงานได้รับข้อหารือจากผู้ประกอบการ และจากการศึกษาของคณะอนุกรรมการที่กระทรวงแรงงานตั้งขึ้นมา โดยปลัดกระทรวงแรงงาน ยืนยันที่จะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั้งประเทศ พร้อมกันวันที่ 1 ต.ค.67 ที่ 400 บาท ทั้งนี้เตรียมชงมาตรการลดผลกระทบนายจ้าง
เศรษฐกิจบ้านเรา เหมือนจะไปได้ดี แต่ก็ยังไม่สุด สะดุดเป็นย่อม ๆ ล่าสุดยอดกู้ กยศ. พุ่งทะลุ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงเป็นประวิติการณ์ โดยเป็นการให้กู้ผ่านสถาบันการศึกษากว่า 4,400 แห่ง คิดเป็นผู้กู้เกือบ 8 แสนคน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนมากู้ยืมเงิน กยศ.มากขึ้น
YLG เปิดเผย สถิติภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในเดือนก.ย. ไม่ค่อยสดใสมากนัก โดยหากย้อนดูเดือนก.ย. ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา จะเกิดการปรับฐานโดยเฉลี่ยราว 2-3% แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ทองคำปรับฐานลงไปไม่ลึกเท่าสถิติที่ผ่านมา หรือมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจนทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หากเฟด ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงถึง 0.50% ส่วนทองคำแท่งภายในประเทศ ยังต้องลุ้น 43,000 บาท หากราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวขึ้นสู่กรอบเป้าหมาย 2,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ปิดตลาดทองคำในรอบสัปดาห์ ประจำวันที่ 2 ก.ย.-7 ก.ย. ราคาทองคำปรับตัวลง โดยปิดตลาดติดลบ 500 บาท ส่งผลให้ราคาทองแท่ง รับซื้ออยู่ที่ 39,900 บาท และขายออกที่ 40,000 บาท Gold Spot 2,498 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
คาดการณ์ระหว่างวันที่ 9-13 ก.ย. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.30-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายละเอียดของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. ของสหรัฐฯ และจีน ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 ของญี่ปุ่น
จับตาการคาดการณ์หุ้นในสัปดาห์ถัดไป (9-13 ก.ย.) โดยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,415 และ 1,400 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,440 และ 1,445 จุด ตามลำดับ โดยในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,427.64 จุด เพิ่มขึ้น 5.05% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 60,737.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.35% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 5.25% มาปิดที่ระดับ 344.66 จุด
ข่าวต่างประเทศ
ปัญหาเงินเฟ้อ ทั่วโลกเจอกันทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่ต่างชาติมุ่งเป้าแห่ไปเที่ยว ล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้รายงาน เงินเฟ้อ เดือน ส.ค. ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 และสอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้กำหนดไว้ที่ 2% ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การชะลอตัวลงของดัชนี CPI เดือนส.ค.อาจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางเกาหลีใต้เริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย
กระทรวงการคลังของรัสเซีย เปิดเผยว่า ทางรัสเซียได้ซื้อสกุลเงินต่างประเทศ และทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่าเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ย.) สำหรับในช่วงวันที่ 7 ส.ค. ถึง 5 ก.ย. มีการจัดสรรเงินรวม 2.465 หมื่นล้านรูเบิล (280 ล้านดอลลาร์) ให้กับการดำเนินการดังกล่าว โดยมีปริมาณการซื้อรายวัน 1.12 พันล้านรูเบิล (13 ล้านดอลลาร์) โดยมีคาดการณ์ว่า ในเดือนก.ย. งบประมาณกลางของรัฐบาลรัสเซียจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีรายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซรวม 1.62 แสนล้านรูเบิล (1.85 พันล้านดอลลาร์)
เกิดการเปลี่ยนแปลงในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งอินเดียได้เปลี่ยนจากผู้ส่งออกข้าโพดรายใหญ่ของเอเชีย มาเป็นผู้นำเข้าสุทธิ ด้วยความพยายามของรัฐบาลในการผลักดันการผลิตเอทานอลจากข้าวโพดมากขึ้น โดยปกติแล้วอินเดียส่งออกข้าวโพด 2-4 ล้านตันต่อปี แต่คาดว่าการส่งออกในปี 2567 จะลดลงเหลือเพียง 450,000 ตัน และคาดว่าอินเดียจะนำเข้าข้าวโพดมากเป็นประวัติการณ์ถึง 1 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่มาจากเมียนมาและยูเครน ซึ่งปลูกข้าวโพดไม่ดัดแปลงพันธุกรรม
หลังโควิด-19 จะเห็นได้ว่าหลายต่อหลายประเทศมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และเทรนด์ fast fashion การแต่งตัวต่าง ๆ เข้ามาหนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) แถลงว่า เศรษฐกิจกัมพูชามีแนวโน้มขยายตัว 5.6% ในนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 5% ในปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกเสื้อผ้าและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วน “ภาคการผลิตอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เสื้อผ้าจะยังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้เช่นกัน โดยได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ”
จีน-แอฟริกา ยกระดับความสัมพันธ์ โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเงินทุนแก่แอฟริกามูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ตลอด 3 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งสนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 30 โครงการทั่วทวีป และจะสร้างงานอย่างน้อย 1 ล้านตำแหน่ง ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือทางการทหาร นับเป็นความพยายามครั้งใหญ่ที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับแอฟริกา ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญในเชิงภูมิรัฐศาสตร์สำหรับจีน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันศุกร์ (6 ก.ย.) และร่วงลงอย่างหนักในรอบสัปดาห์นี้ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนส.ค.ที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งบดบังปัจจัยหนุนจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสเลื่อนการปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน ซึ่งทำให้ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงราว 8% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 10%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (6 ก.ย.) จากระดับสูงสุดเกือบเป็นประวัติการณ์ที่เข้าทดสอบในช่วงเช้า หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่ไม่ชัดเจนนั้น ทำให้เกิดความไม่แน่ใจว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเพียงใดในเดือนนี้ ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 18.50 ดอลลาร์ หรือ 0.73% ปิดที่ 2,524.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวลง 1.09% ในรอบสัปดาห์นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปข่าวประจำวันที่ 7 กันยายน 2567