ส.อ.ท. แนะภาครัฐเร่งขับเคลื่อน New S-Curve
ส.อ.ท. จัดตั้ง Cluster of FTI Future Mobility-ONE (CFM-ONE) เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ในโอกาสความเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์สู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) เช่น ระบบราง หรือเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ใกล้เคียงกับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกอื่นๆ ส่งผลให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งห่วงโซ่การผลิตต้องปรับตัว โดยส่วนหนึ่งสามารถปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ซึ่งนอกจากภาคธุรกิจต้องหาแนวทางในการปรับเปลี่ยนธุรกิจแล้ว ภาครัฐจะต้องมีบทบาทสำคัญในการรองรับการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว รวมถึงการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในทุกมิติ
ทั้งการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิต การพัฒนามาตรฐาน การวิจัยและนวัตกรรม การส่งเสริมการใช้สินค้าเครื่องมือแพทย์ในประเทศ และการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมพร้อมรองรับอุตสาหกรรมอื่น ๆ และสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมไทย
น.ส.ยุพิน บุญศิริจันทร์ ประธาน CFM-ONE และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า ด้วยบริบทของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ประสบกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการผลิต (Technology Disruption) รวมถึงมีการออกมาตรการที่ชัดเจนว่าตั้งแต่ปี 2573 จะมีการขายยานยนต์ประเภทสันดาปภายในให้ลดลง โดยเฉพาะในประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา
“ไทยต้องเตรียมพร้อมและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ CFM-ONE จึงมีแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนไทย ภายใต้แนวคิด Strong global production hub with industry transformation โดยมีข้อเสนอ อาทิ การรักษาและต่อยอดความเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก การสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนสมัยใหม่ เตรียมพร้อมสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และที่สำคัญ CFM-ONE ผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนข้อเสนอให้ชิ้นส่วนยานยนต์ไทยปรับตัวสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ (Parts Transformation) เช่น ระบบราง หรือเครื่องมือแพทย์
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ถือว่า มีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถปรับเปลี่ยนหรือสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากเดิมผลิตชิ้นส่วนเพื่อโรงงานผลิตยานยนต์เท่านั้นมาเป็นกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ (Diversification Strategy) และต่อยอดสู่การผลิตชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ เนื่องจากผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยมีความสามารถในแง่การผลิต เพื่อให้ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ และมีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้
นายสุพจน์ สุขพิศาล เลขาธิการ CFM-ONE และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์
ส.อ.ท. กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เริ่มประกอบธุรกิจที่มีความหลากหลาย เช่น การเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์มากขึ้น โดยผลิตสินค้าที่มีความเสี่ยงทางการแพทย์ไม่สูงมากนัก ซึ่งภาครัฐควรจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่าน โดยผลักดันให้มีการกำหนดสัดส่วนการใช้ผลิต ภัณฑ์ภายในประเทศ หรือออกนโยบายสนับสนุนการซื้อหรือผลิตเพื่อให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนสามารถเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมอื่นในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐหรือเอกชนมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : กนอ. และ ส.อ.ท. เร่งส่งเสริมมาตรฐาน Eco Factory For Waste Processor