ลุ้นระทึก เงินบาทไหลรูดแตะ 37 บาท
เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 36.94 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ตามภาพรวมของสกุลเงินอื่นๆในเอเชียที่อ่อนค่าลงท่ามกลางแรงหนุนต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ฯ จากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งอาจทำให้จังหวะการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดเลื่อนออกไป
อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในระหว่างสัปดาห์ หลังจากเงินดอลลาร์ฯ กลับมาเผชิญแรงขายตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ทั้งในช่วงก่อนและหลังการประชุมเฟดประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยลบจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตและข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดด้วยเช่นกัน
เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่หุ้นไทยร่วงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 ท่ามกลางแรงขายของต่างชาติ
10-14 มิ.ค. 2567 เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางเงินเยน ซึ่งอ่อนค่าลงหลัง BOJ มีมติคงดอกเบี้ยและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ญี่ปุ่นที่ระดับเดิม
ขณะที่แผนการลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น แม้ BOJ จะมีการส่งสัญญาณเตรียมดำเนินการ แต่ก็จะเปิดเผยรายละเอียดในการประชุมเดือนก.ค.อีกครั้ง
ทั้งนี้ การประชุมนโยบายการเงินของไทยและสหรัฐฯ ในช่วงกลางสัปดาห์ ออกมาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมตามที่ตลาดคาด โดย กนง. มีมติ 6:1 เสียงให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.50% ขณะที่เฟดมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่กรอบ 5.25-5.50% และมีการปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายผ่าน dot plot มาสะท้อนโอกาสการลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้
ในวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 มิ.ย. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 10-14 มิ.ย. 2567 นั้น
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 9,376 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 3,661 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 3,358 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 303 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (17-21 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.50-37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ปัจจัยทางการเมืองของไทย และสัญญาณเกี่ยวกับดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดอนมิ.ย. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. และผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ค.และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ของจีน รวมถึงดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่น อังกฤษยูโรโซนและสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เงินบาทอ่อนยวบในรอบ 3 ปี แตะ “36.33”