BOI ไฟเขียว 8 เมกะโปรเจกต์ เกือบ 5.7 หมื่นล้านบาท
• “นฤตม์” ดันไทยมุ่งอุตสาหกรรมสีเขียวในอนาคต
• มั่นใจประเทศไทยเป็นหมุดหมายนักลงทุนต่างชาติ
• เล็งตั้ง Matching Fund ลงทุน Startup ที่มีศักยภาพสูง
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน ได้อนุมัติโครงการลงทุนรวม 8 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 56,947 ล้านบาท โดยเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งในด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ พลังงานสะอาด กิจการ Data Center กิจการโรงพยาบาล และการขนส่งทางอากาศ ดังนี้
1.โครงการผลิตเอทิลีนชีวภาพ (Bio-Ethylene) ของบริษัท บราสเคม สยาม จำกัด โครงการนี้เป็นการผลิตเคมีภัณฑ์ต้นน้ำสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกจากไบโอเอทานอล ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบหมุนเวียนจากผลผลิตทางการเกษตร เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด เงินลงทุน 19,313 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง มีกำลังการผลิต 200,000 ตันต่อปี ถือเป็นโรงงานผลิตเอทิลีนชีวภาพแห่งแรกในเอเชีย และเป็นโรงงานแห่งที่สองของโลก รองจากบราซิล
2.โครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะ ของบริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 8 จำกัด เงินลงทุน 2,855 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี มีกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ โดยบริษัทจะรับขยะมูลฝอยในชุมชนเป็นวัตถุดิบเพื่อนำมาเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิง ช่วยจัดการปัญหาขยะในชุมชน
3.โครงการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวล ของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 12 จำกัด เงินลงทุน 9,396 ล้านบาท ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมของบริษัท 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด จังหวัดปราจีนบุรี โดยเป็นการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากน้ำมันยางดำ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตเยื่อกระดาษ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล 130 เมกะวัตต์ และไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวล 576 ตัน/ชั่วโมง
4.โครงการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำระบบ Cogeneration ของเครือ SCG เพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มบริษัท SCG Chemicals เงินลงทุน 6,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าระบบ Cogeneration 130 เมกะวัตต์ และไอน้ำระบบ Cogeneration 160 ตัน/ชั่วโมง
5.โครงการ Data Center ของบริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด เงินลงทุน 3,345 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการที่ 5 ของบริษัท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยโครงการนี้เป็นการขยายการลงทุนบนพื้นที่ True IDC East Bangna Campus ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
6.โครงการ Data Center ของบริษัทชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Data Center อันดับต้น ๆ ของโลก เงินลงทุน 7,185 ล้านบาท รองรับ IT Load ขนาด 20 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ
7.โครงการโรงพยาบาล ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลภูเก็ต จำกัด เป็นศูนย์การวินิจฉัยทางการแพทย์ขั้นสูง ในรูปแบบ Boutique Hospital ขนาด 212 เตียง เงินลงทุน 4,960 ล้านบาท รองรับการให้บริการนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับนานาชาติสู่จังหวัดภูเก็ต
8.โครงการขนส่งทางอากาศสำหรับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ ของบริษัท ไทย ไลอ้อน เมนทารี จำกัด จำนวน 10 ลำ เงินลงทุน 3,893 ล้านบาท รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
“โครงการที่ขอรับการส่งเสริมลงทุนในครั้งนี้ เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งไทยและต่างชาติในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพ พลังงานสะอาด กิจการสนับสนุนการท่องเที่ยว การให้บริการทางการแพทย์และสุขภาพ รวมทั้งธุรกิจ Data Center ขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของ Digital Transformation, Cloud Computing, IoT และเทคโนโลยี AI ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โครงการลงทุนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ไทยยังเป็นหมุดหมายสำคัญของการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะช่วยยกระดับไปสู่เศรษฐกิจใหม่” นายนฤตม์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติมาตรการส่งเสริมการลงทุน Startup ที่มีศักยภาพสูง ตั้งแต่ระดับ Pre Series A ถึง Series A ที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยกำหนดวงเงินสนับสนุนตั้งแต่ 20 – 50 ล้านบาท ในรูปแบบ Matching Fund ร่วมกับกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เพื่อสนับสนุน Startup ที่มีศักยภาพของไทยให้สามารถเติบโตไปสู่ระดับยูนิคอร์นได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และผลักดันไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
“บีโอไอให้ความสำคัญกับการสนับสนุน Startup ที่มีศักยภาพผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยปัจจุบันมีการสนับสนุน Startup ในอุตสาหกรรมเป้าหมายไปแล้วจำนวน 14 ราย
สำหรับการปรับปรุงมาตรการในครั้งนี้ จะเป็นการทำงานร่วมกับ Venture Capital ระดับมืออาชีพ เพื่อร่วมกันสนับสนุน Startup ไทยที่มีศักยภาพ ให้มีเงินทุนเพียงพอในการต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ให้ขยายออกไปสู่ตลาดโลก และเพิ่มโอกาสที่จะเติบโตไปสู่ระดับยูนิคอร์นต่อไป” นายนฤตม์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : บีโอไอ จับมือ อว. จัดงาน Job Matching