กรมโรงงานคุมเข้มโรงงาน
“กรมโรงงานฯ เร่ง ร.ง.4 ตามมติ ครม. ยันยังเข้มงวดการอนุญาตโรงงานกำจัดกาก หวั่นกระทบประชาชนและสิ่งแวดล้อม”
กรอ. เผย เร่งออกใบอนุญาต ร.ง.4 ตามมติ ครม. แต่ยังคงเข้มงวดการออกใบอนุญาต ร.ง.4 โรงงานกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรม เน้นย้ำต้องตรวจสอบรายละเอียดให้รอบคอบรัดกุม มีความปลอดภัยต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม เป็นไปตามหลักวิชาการทุกกระบวนการก่อนอนุญาต
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรอ. กำลังเร่งออกใบอนุญาต ร.ง.4 ให้กับผู้ประกอบการที่ยื่นเอกสารครบถ้วน ถูกต้อง และจะแล้วเสร็จบใน 30 วันแน่นอน สำหรับที่ปรากฏข่าวการออกใบอนุญาต ร.ง.4 มีความล่าช้าและอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นจำนวนมากนั้น ขอเรียนว่า กรอ. ได้ปรับปรุงกระบวนการออกใบอนุญาต ร.ง.4 อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับลดขั้นตอนให้สั้นลง ลดระยะเวลา และออกใบอนุญาต ร.ง.4 ให้รวดเร็วขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม กรอ. ได้กำหนดระเบียบหลักเกณฑ์ที่รัดกุมในการออกใบอนุญาต ร.ง.4 ในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น โรงงานที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดกำจัดกากอุตสาหกรรม ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม
โดยปัจจุบันมีการยื่นขอรับใบอนุญาต ร.ง.4 เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จำนวน 187 คำขอ โดยกว่า 66% หรือ 123% คำขอ เป็นคำขอรับใบอนุญาต ร.ง.4 โรงงานลำดับที่ 105 และ 106 ซึ่งเป็นโรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรม ทั้งที่เป็นของเสียอันตรายและไม่เป็นของเสียอันตราย เช่น การคัดแยก หลุมฝังกลบ ทำเชื้อเพลิงผสม ทำเชื้อเพลิงทดแทนจากน้ำมันและตัวทำละลายใช้แล้ว สกัดแยกโลหะ ถอดแยกบดย่อยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลอมตะกรัน รีไซเคิลกรดด่าง เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาเอกสารประกอบการดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบรัดกุม มีความปลอดภัย เป็นไปตามหลักวิชาการทุกกระบวนการ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในอนาคต ภายใต้กระบวนการพิจารณาที่มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบติดตามได้ในทุกขั้นตอน อย่างไรก็ตาม พบว่า คำขอรับใบอนุญาต ร.ง.4 ของผู้ประกอบการรับกำจัดกากอุตสาหกรรมบางรายมีสาระสำคัญบางประการที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักวิชาการ เช่น พื้นที่จัดเก็บหรือจัดวางวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ สารเคมี และวัตถุอันตรายมีความไม่เหมาะสม มีการจัดทำมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยไม่ครอบคลุมทุกกระบวนการผลิต ระบบบำบัดมลพิษน้ำและอากาศไม่เหมาะสมกับมลพิษที่เกิดจากกระบวนการผลิต เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่อาจก่อให้เกิดความอันตรายไม่ปลอดภัยต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กรอ. จึงได้แจ้งให้ผู้ประกอบการปรับปรุงมาตรการต่าง ๆ ให้มีความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ และมีความปลอดภัยต่อทั้งผู้ปฏิบัติงานและประชาชนโดยรอบโรงงาน โดยปัจจุบัน มีคำขอที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กรอ. เพียง 16 ราย เท่านั้น
นายจุลพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการอนุญาตให้ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ (นอกนิคมฯ) จำนวน 2,598 โรงงาน มูลค่าการลงทุนกว่า 356,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 23% เมื่อเทียบกับปี 2565 และเกิดการจ้างงานกว่า 106,631 คน ในขณะที่มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีการเติบโตสูงถึง 72% จากปี 2565 และหากพิจารณาเฉพาะปี 2567 ก็พบว่ามีการลงทุนตั้งและขยายโรงงานอุตสาหกรรมนอกนิคมในช่วง 4 เดือนแรกของปีแล้วกว่า 170,000 ล้านบาท ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“โรงงานที่รับกำจัดกากอุตสาหกรรม เป็นกลุ่มโรงงานที่มีความเสี่ยงสูง มักพบปัญหาถูกร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับการประกอบกิจการที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต แหล่งน้ำ และสิ่งแวดล้อม ทั้งการปล่อยน้ำเสีย กลิ่นเหม็น ฝุ่นควัน รวมทั้งการตรวจพบโรงงานที่ไม่จัดการกากอุตสาหกรรมที่รับมาดำเนินการอย่างถูกต้อง ดังเช่นที่เป็นข่าวในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยอง ราชบุรี เป็นต้น เกิดภาพลักษณ์ด้านลบต่อภาคการผลิตซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ปรับปรุงกระบวนการการทำงาน การพิจารณาออกใบอนุญาต ร.ง.4 ด้วยความรวดเร็วและมีความละเอียดรอบคอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การประกอบการภาคอุตสาหกรรมของประเทศสามารถเติบโตคู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน” นายจุลพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : อุตสาหกรรมจัดทัพปรับแผนขนย้ายกากตะกอนแร่