ข่าวเด่น เย็นนี้ 27 มี.ค.2567
จักรภพ เพ็ญแข อดีตพิธีกรชื่อดัง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ได้ลี้ภัยทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วันที่ 28 มี.ค.67 เวลา 07.35 น. กลับไปรับใช้เมืองไทยครับ
เรื่องที่ 4,190 จักรภพ เพ็ญแข เคยถูกฟ้องร้องคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อเรื่อง “ระบบอุปถัมภ์ ในฐานะที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความเป็นประชาธิปไตย” เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2550 ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (เอฟซีซีที) แต่อัยการสั่งยกฟ้อง เมื่อช่วงเดือนก.ย. 2554
จักรภพ เพ็ญแข ต้องลี้ภัยทางการเมือง หลังมีรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557
คณะรักษาความสงบแห่งชาติออกคำสั่งที่ 49/2557 เรียกให้จักรภพไปรายงานตัว แต่เขามิได้ไปตามคำสั่งดังกล่าว ศาลทหารจึงออกหมายข้อหาฝ่าฝืนการไปรายงานตัว ในวันที่ 23 มิ.ย. 2558 1 หมายจับ และวันที่ 28 มิ.ย. 2558 1 หมายจับ ข้อหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง รวมแล้วเขาถูกศาลทหารออกหมายจับ 2 หมายจับ และในวันที่ 7 ธ.ค. 2560 ศาลอาญาได้ออกหมายจับ เลขที่ 2692/60 ใน ข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่
จักรภพ เพ็ญแข จะเดินทางกลับไทยหลังจาก “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมามีอำนาจอีกครั้ง
หลังจากที่ จักรภพ ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานนับ 10 ปี
เรื่องที่ 4,191 ข่าวดีมาแล้วจ้า เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) โดยพี่เต้ย คมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาฯ กกพ.ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
ประกาศค่าไฟงวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค. 67) โดยให้ตรึงราคาไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วยเท่ากับงวดปัจจุบัน ซึ่งมาจากการที่ กกพ. มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเรียกเก็บในงวดเดือนพ.ค.-ส.ค. 67 คงเดิมที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย
เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วยแล้ว ก็จะทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย ที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 4.1805 บาทต่อหน่วยนั่นเอง
โดยค่าไฟดังกล่าวก็เป็นไปตามความคิดเห็นของประชาชนที่ต้องการได้ค่าไฟในระดับเท่าเดิมมากที่สุด จากการเปิดประชาพิจารณ์ 3 แนวทางก่อนหน้านี้
แม้จะเป็นการตรึงราคาไว้เท่าเดิมไม่ใช่การลด แต่ก็ให้ถือว่าเป็นข่าวดีของประชาชนที่จะต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าไฟในทุกเดือนละกันเนอะ
เรื่องที่ 4,192 มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มี.ค. 67 นี้ ประเด็นที่สำคัญก็คืออาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้ดีเซล และประชาชนทั่วไป
เพราะเท่าที่บก.ชวนคุยได้คุยกับแหล่งข่าว พบว่าเวลานี้สถานะกองทุนน้ำมันฯคาดว่าจะติดลบระดับ 100,000 ล้านบาทภายใน 31 มี.ค.นี้เหมือนกัน ดังนั้น คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน. จะต้องหารือถึงแนวทางการใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร
เพื่อหาแนวทางในการบริหารที่จำเป็นต้องอาศัยกลไกจากกระทรวงการคลังโดยการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ลดลง 1 บาทต่อลิตรในการช่วยตรึงราคาดีเซลควบคู่กับกลไกกองทุนน้ำมัน
โดยเท่าที่รับรู้มาทางระดับผู้บริหารเริ่มหารือเบื้องต้นกับกรมสรรพสามิตอยู่ซึ่งยอมรับว่า หากยังคงลดในอัตราเดิมจำเป็นจะต้องปรับเพดานราคาดีเซลเพิ่มขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตรค่อนข้างมาก แต่จะให้ใช้วิธีทยอยปรับขึ้นครั้งละ 0.50-1 บาทต่อลิตร
ตีความหมายอย่างง่ายก็คืออาจจะยกเลิกมาตรการตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรนั่นเอง ทีนี้ก็ต้องติดตามกันในตอนต่อไปละขอรับพี่น้องว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
เรื่องที่ 4,193 พรุ่งนี้ (28 มี.ค.) จะเป็นข่าวใหญ่ หรือข่าวเล็กๆ น้อยๆ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะหมายงานล่าสุด “นายกฯ นิด-เศรษฐา ทวีสิน” พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง จะไปตรวจเยี่ยมกรมศุลกากร เวลา 16.00 น. ณ ห้องประชุมภาสกรวงศ์ ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร คลองเตย ทุกคน!! พร้อม หลังจากที่นายกฯ ชื่นชมกรมศุลกากรว่า เข้มข้นและเข้มงวดปราบปรามสินค้าเถื่อน และห้ามไม่ให้ยางพารา เป็นสินค้าผ่านแดน ปรากฏว่า ราคายางพาราทะลุ 70 บาทต่อกิโลกรัม
ดังนั้น หลังจากที่ 28 มี.ค.ไปแล้ว ต้องจับตานโยบาย “อธิบดีตุ้ย-ธีรัชย์ อัตนวานิช” อธิบดีกรมศุลกากร จะมีอะไรใหม่ๆ ทำให้แปลกใจอีกหรือไม่ อย่ากระพริบตา!!
เรื่องที่ 4,194 วันที่ 1 เม.ย.2567 วันคล้ายวันสถาปนากระทรวงการคลัง ครบครบ 149 ปี และในวันดังกล่าว ยังมีพิธีเปิดอาคารกระทรวงการคลังหลังใหม่อีกด้วย ว่ากันว่า อาคารหลังนี้ ก่อสร้างยาวนานกว่า 5 ปี ปัญหาและอุปสรรคมีมากมาย และถึงแม้จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายมีเพียง 1-2 หน่วยงานเท่านั้น เช่น สบน. ที่จะเข้าไปทำงานเป็นอันดับต้นๆ ที่เหลือต้องรอครบรอบ 150 ปี ถึงเข้าไปทำงานได้ครับพี่น้อง!!
เรื่องที่ 4,195 นายกฯ สั่งคลังสรุปแหล่งเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต” พร้อมยืนยันว่า ในวันที่ 10 เม.ย. จะได้ความชัดเจนทั้งหมด และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในเดือนเมษายนเช่นกัน พร้อมยืนยันว่า เป็นไปตามกรอบไทม์ไลน์ตามที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังแถลงไว้ โดยจะมีการลงทะเบียนร้านค้า และประชาชนในไตรมาสที่ 3 และเงินจะถึงประชาชนในไตรมาสที่ 4 ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ มีความเห็นตรงกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นด้วยในขั้นตอนทั้งหมด ดังนั้นขอให้รอฟังข่าวดีในวันที่ 10 เม.ย. ได้ยินท่านนายกบอกแบบนี้แล้วล่ะก็ พอชื่นใจหน่อยนะขอรับ ก็มารอดูกันว่า พอถึงเวลาที่ท่านบอกนั้นบทสรุปจะออกมาเป็นเช่นไร รอติดตามตอนต่อไปครับ
เรื่องที่ 4,196 สงกรานต์ปีนี้จัดใหญ่จัดเต็ม แห่เล่นน้ำจัดเต็ม 21 วันรวด ซึ่งหลังจากรัฐบาลเคาะจัดงานมหาสงกรานต์ 21 วันรวด เริ่มตั้งแต่ 1 – 21 เม.ย. อีกทั้งยังใจดีเพิ่มวันหยุดพิเศษให้ ทำให้คาดว่าสงกรานต์ปีนี้ น่าจะคึกคักเป็นอย่างมาก ฝั่งภาคเอกชน เริ่มเห็นสัญญาณจองที่พักที่สูงขึ้นในจังหวัดท่องเที่ยว เรียกว่าแทบจะทุกภาค โดยในส่วนภาคเหนือ แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) สูง แต่ช่วงสงกรานต์ก็ยังเห็นสัญญาณการจองที่พักที่สูงขึ้น ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย รวมถึงเมืองรองทางภาคเหนือ สำหรับภาคใต้ โดยเฉพาะ 4 พื้นที่หลัก ทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ และสมุย ส่วนของภาคตะวันออก ตะวันตก และภาคกลาง ทั้งพัทยา ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ยอดจองที่พักก็ค่อนข้างดีเช่นกัน คาดว่าช่วงสกรานต์นักท่องเที่ยวจะทะลุถึง 30 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ประมาณ 102,000 ล้านบาท
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 4,197 ธนาคารกลางสวีเดน หรือ ริกส์แบงก์ (Riksbank) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ 4% ในการประชุมวันนี้ (27 มี.ค.) ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสวีเดนจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนมี.ค. ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสวีเดนระบุว่า ขณะนี้แรงกดดันเงินเฟ้อชะลอตัวลงมากพอที่จะทำให้สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า
“มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในเดือนพ.ค.หรือมิ.ย.ปีนี้ หากแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงเอื้ออำนวยเช่นนี้ต่อไป” ธนาคารกลางสวีเดนระบุในแถลงการณ์ ทั้งนี้ ธนาคารกลางสวีเดนประกาศว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 8 พ.ค.นี้
เรื่องที่ 4,198 นายหยาง จินหลง ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันระบุในวันนี้ (27 มี.ค.) ว่า ขณะนี้ไต้หวันแทบไม่มีพื้นที่ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสืบเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีก็ตาม และไม่น่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมิ.ย.
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางไต้หวันได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2% จาก 1.875% หลังจากตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว ธนาคารกลางไต้หวันอ้างถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าของเดือนหน้า ซึ่งจะปรับขึ้นเฉลี่ย 11% แต่สูงกว่านี้สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
เรื่องที่ 4,199 นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (27 มี.ค.) ว่า ญี่ปุ่นจะใช้มาตรการตอบสนองอย่างจริงจังต่อกรณีที่เงินเยนอ่อนค่าลงมากจนเกินไป โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเงินเยนดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ตลาดโตเกียวช่วงเช้านี้
นายซูซูกิกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะนำมาตรการที่เหมาะสมมาใช้โดยไม่ลังเล เพื่อรับมือกับเงินเยนที่อ่อนค่าลงมากจนเกินไป และยังกล่าวด้วยว่า ญี่ปุ่นจะจับตาพัฒนาการในตลาดปริวรรตเงินตราอย่างใกล้ชิดและจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนหากจำเป็น
เรื่องที่ 4,200 นายบุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (26 มี.ค.) ว่า การลาออกของประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศและนโยบายเศรษฐกิจ เนื่องจากเวียดนามใช้ระบบผู้นำร่วมและการกำหนดนโยบายร่วมกัน
ในระหว่างการเยือนสหรัฐ นายเซินได้กล่าวที่สถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) ในกรุงวอชิงตันว่า เวียดนามกำลังดำเนินการต่อต้านการทุจริต ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาคมระหว่างประเทศและภาคธุรกิจ “ผมคิดว่าการลาออกของประธานาธิบดีเวียดนามไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศของเรา รวมถึงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของเราด้วยเช่นกัน” นายเซินระบุ “เรามีระบบผู้นำร่วม เรามีนโยบายต่างประเทศร่วม เรามีการพัฒนาเศรษฐกิจโดยตัดสินใจร่วมกัน”
เรื่องที่ 4,201 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้พบปะกับกลุ่มผู้บริหารธุรกิจชาวอเมริกันที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ (27 มี.ค.) ซึ่งรวมถึงนายสตีเฟน ชวาซแมน ผู้บริหารบริษัทแบล็กสโตน และนายคริสเตียโน เอมอน ผู้บริหารบริษัทควอลคอมม์ โดยการเปิดโอกาสให้บรรดาผู้นำธุรกิจของสหรัฐเข้าพบในครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่จีนกำลังหาทางกอบกู้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและพยายามรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐให้ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสำนักข่าวซินหัวซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนว่า ปธน.สีได้พบปะกับบรรดาตัวแทนจากภาคธุรกิจ และนักวิชาการจากสหรัฐ ขณะที่สถานีโทรทัศน์ CCTV ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีนด้วยนั้นได้เปิดเผยรายชื่อของผู้บริหารที่เดินทางเข้าพบปธน.สี พร้อมกับรายงานว่า ปธน.สีได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกับผู้เข้าร่วมงานก่อนที่การประชุม
เรื่องที่ 4,202 รายงานจากการประชุมเอเชีย โป๋อ๋าว (BFA) ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเป็นกุญแจสำคัญสู่การเปิดรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียวและบรรลุการพัฒนาสีเขียวในเอเชีย
รายงานดังกล่าวมีชื่อว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืน : รายงานประจำปีของเอเชียและโลกปี 2567 — การก้าวกระโดดสู่ยุคไฟฟ้า คาร์บอนเป็นศูนย์ และการสนับสนุนการพัฒนาสีเขียวในเอเชีย” โดยระบุว่าพลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ อาทิ การใช้ทรัพยากรหมุนเวียน การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการใช้พลังงานไฟฟ้าของภาคส่วนปลายทางจะก่อให้เกิดกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และสร้างโอกาสการทำงานจำนวนมาก อย่างไรก็ดี รายงานชี้ว่าประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศในเอเชียจำเป็นต้องมีการลงทุนขนาดใหญ่ด้านเทคโนโลยีสีเขียวและอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำอย่างเร่งด่วน
โดยนพวัชร์