นิรโทษกรรมภาษีอินโดฯกระทบสิงคโปร์
อุตสาหกรรมการจัดการทรัพย์สินของสิงคโปร์
ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐีชาวอินโดนีเซียขนเงินกลับประเทศบ้านเกิดเพื่อขานรับความได้เปรียบจากกฎหมายนิรโทษกรรมทางภาษี แต่จำนวนเงินที่ไหลกลับเข้าอินโดนีเซียกลับไม่ได้สูงเท่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ มีเงินจำนวน 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของเศรษฐีชาวอินโดนีเซีย ที่ไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้อง โดยถูกซุกซ่อนไว้ในสิงคโปร์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา อ้างอิงจากแหล่งข่าวในธนาคารเอกชน นับเป็นสัดส่วนมหาศาลของทรัพย์สินประมาณ 470,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อยู่ภายใต้การจัดการของธนาคารเอกชนในประเทศศูนย์กลางทางการเงินอย่างสิงคโปร์
ทั้งที่ปรึกษา ทนายความ และผู้บริหารธนาคารต่างมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีเงินประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะถูกขนกลับไปอินโดนีเซียภายใต้กฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งเพิ่งมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการ ‘ฟอกขาว’ หรืออนุญาตให้ผู้ที่กระทำความผิดในเวลาที่ผ่านมาได้รับการยกเว้นความผิดทั้งหมด และจ่ายภาษีเพียง 5% ของจำนวนทรัพย์สินทั้งหมดที่มี
ซึ่งมูลค่าเงินที่คาดการณ์ว่าจะถูกส่งกลับนั้นน้อยกว่าที่ทางรัฐบาลอินโดนีเซียคาดหวังไว้คือ76,000ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และน้อยกว่า 42,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ทางธนาคารกลางของอินโดนีเซียคาดการณ์ไว้
อ้างอิงจากการประชุมของธนาคารกลางสิงคโปร์เมื่อวันที่ 25 ก.ค.นาย ราวิ เมนอน กรรมการผู้อำนวยการของธนาคาร กล่าวว่า เขาคาดว่าจะมีเงินทุนไหลออกจากสิงคโปร์ไม่มากนัก และย้ำว่าทางภาครัฐไม่มีนโยบายที่ออกมาตรการพิเศษใดๆ ที่จะสกัดกั้นการถ่ายโอนเงินครั้งใหญ่นี้
อย่างไรก็ตาม รายได้ของรัฐบาลอินโดนีเซียจากการจัดเก็บภาษีจากเงินจำนวน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ยังสูงเป็น 3 เท่าจากการนิรโทษกรรมทางภาษีในปี 2551 ซึ่งสามารถจัดเก็บภาษีได้เพียง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หนึ่งในเหตุผลสำคัญในเรื่องนี้คือ สิงคโปร์ลดความสำคัญจากการเป็นประเทศซุกซ่อนเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีจากรัฐบาลในประเทศทั่วโลกลง
ในปัจจุบัน มีแรงกดดันเพิ่มขึ้นกับธนาคารในสิงคโปร์จากการปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ การควบคุมให้ธนาคารต้องมีความโปร่งใสมากขึ้นว่ากำลังดำเนินธุรกิจกับใคร นอกจากนี้ ยังมีแรงผลักดันจากทั่วโลกในการให้ความร่วมมือในเรื่องการหลบเลี่ยงการจ่ายภาษี โดยเฉพาะหลังจากเกิดกรณีอื้อฉาวที่ข้อมูลรั่วไหลจาก ‘ปานามา เปเปอร์’ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้บัญชี หรือการเปิดบริษัทในต่างประเทศจากบุคคลสำคัญในรัฐบาล นักธุรกิจและบุคคลที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกมากมาย
ผู้บริหารธนาคารและทนายความ ซึ่งเป็นแหล่งข่าวในสิงคโปร์ และปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อ ประเมินว่า จะมีเงินไหลกลับอินโดนีเซียประมาณ 10-15% เท่านั้น อ้างอิงจากข้อมูลของลูกค้าของพวกเขา
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 35.20 บาท / 26 ก.ค.2559