ข่าวเด่น เย็นนี้ 16 ก.พ.2567
จับตา วันอาทิตย์ที่ 18 ก.พ. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการพักโทษ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังจากพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ นาน 6 เดือน
เรื่องที่ 3,875 เบื้องต้น มีรายงานว่า การออกจากโรงพยาบาลของทักษิณ จะเป็นภารกิจ ว.5 หมายถึง กำหนดเป็นการเฉพาะ ไม่ให้สื่อมวลชน เข้าทำข่าว หรือ จะไม่มีการโชว์ตัวต่อสื่อมวลชน แต่อย่างไร
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ว ทักษิณ ชินวัตร อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่คาใจหลายคนมานานกว่า 6 เดือน
ยิ่งการออกจากโรงพยาบาลหนนี้ ต้องเก็บเป็นเรื่องลับ ก็ยิ่งก่อให้เกิดข้อสังสัยว่า หรือแท้จริงแล้ว ทักษิณ ไม่ได้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่แรก
และการกระทำของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก็แค่ตบตาประชาชน เพราะอย่างที่รู้กัน ว่าตลอดเวลา 6 เดือนมานี้ เราไม่เคยเห็นภาพทักษิณ บนเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาลตำรวจเลย
เรื่องที่ 3,876 ยังคงโชว์ฟอร์มสดใสได้สมชื่อกับการเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติสำหรับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือปตท. (PTT) ซึ่งยังคงนำโดยซีอีโอคนเก่งอย่างพี่โด่ง “อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์”
เมื่อล่าสุดมีการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย ซึ่งปรากฏว่ามีผลกำไรสุทธิกว่า 112,024 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 3.6% ของยอดขาย สูงกว่าปี 2565
โดยพี่โด่งบอกว่าเป็นผลมาจากความร่วมมือของกลุ่ม ปตท. ในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 13,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่าผลกำไรครั้งนี้ เมื่อถูกประกาศเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน ต่างก็ได้รับเสียงชื่นชมระคนประชดอย่างกระหึ่ม เพราะส่วนใหญ่มองว่าผลกำไรที่ได้มาไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากผูกขาดทางด้านพลังงาน
ที่สำคัญเวลานี้ราคาน้ำมันในประเทศโดยเฉพาะเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ขึ้นแบบไม่ลงไปแค่ครั้งเดียวถึง 3.10 บาทต่อลิตรตั้งแต่หลังเทศกาลปีใหม่ เมื่อเป็นแบบนี้เรื่องโดนก่นด่าคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะขอรับเจ้านาย เพราะชาวบ้านเค้าเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้าแล้ว
เรื่องที่ 3,877 ไม่ว่าจะเขียนข่าวกี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง ก็ยังคงต้องรอแล้ว รออีก บอกจะเดินหน้าโครงการ แจกเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน แต่แล้วก็ยังไม่เห็นคุณพี่ได้ข้อสรุปกันสักที เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา เมื่อไหร่หนอจะสิ้นสุด สรุป แบบรวบรัดตัดตอนสักทีว่าจะแจกวันที่เท่าไร เดือนไหน เอาเงินจากส่วนไหนมาแจก เลื่อนบ่อยแบบนี้ จะรอดี ไม่รอดี ประชาชนคิดหนักแล้วขอรับเจ้านาย
แต่ก็ยังดีหน่อยที่ไม่ได้ทำแค่โครงการเดียว โดยรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในมิติต่าง ๆ อาทิ มาตรการในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทย มาตรการในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุน ตลอดจนการลดราคาพลังงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยไม่ได้รอทำแค่มาตรการ Digital Wallet เพียงเรื่องเดียว ก็รอลุ้นกันไปนะครับ ว่าจะจบลงอย่างไร จะได้แจก หรือไม่ได้แจก ก็ไม่ทราบได้ เพราะเขาบอกว่าให้เรารอ ร๊อ รอออออกันต่อไป อยากจะส่งเสียงดังๆ ว่า รอจนจะแห้งแล้ว
เรื่องที่ 3,878 ไทยอย่าประมาท!! เจอคู่แข่งส่งออกทุเรียนไปจีน คือประเทศ เวียดนาม-มาเลเซีย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปี 66 การส่งออกผลไม้ของไทยไปจีน อาทิ ทุเรียน มีบทบาทต่อภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยไปจีน ในสัดส่วนถึง 18.2% ของการส่งออกสินค้าไทยไปจีนทั้งหมด ขณะที่ภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยไปจีน หดตัวเล็กน้อยที่ -0.8% แต่หากไม่รวมสินค้าในกลุ่มผลไม้ จะหดตัวที่ -5.3% ขณะที่ทุเรียนสด ถือเป็นผลไม้ที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงสุด และมีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักมาจาก 1. ความต้องการบริโภคทุเรียนในตลาดจีนมีมากขึ้นตามความนิยม และ 2. ปริมาณผลผลิตทุเรียนในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามพื้นที่เพาะปลูก ดังนั้นถ้าไม่อยากเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับประเทศเพื่อนบ้านล่ะก็ ต้องรักษาคุณภาพของทุเรียนไทย ที่ปัจจุบันยังมีความได้เปรียบอยู่ จากรสชาติที่เป็นที่นิยม และความหลากหลายของพันธุ์ จะเป็นกุญแจสำคัญให้ไทยครองตลาดส่งออกทุเรียนไปจีนได้
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 3,879 กระทรวงพาณิชย์เมียนมาเปิดเผยวันนี้ (16 ก.พ.) ว่า เมียนมาทำรายได้มากกว่า 7.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 9 ก.พ. ในปีงบประมาณ 2566-2567 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของเมียนมาจากภาครัฐทำรายได้มากกว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ภาคเอกชนทำรายได้มากกว่า 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับระดับ 9.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในบรรดาสินค้าส่งออกของเมียนมาสั้น สินค้าอุตสาหกรรมสร้างรายได้ให้กับประเทศมากที่สุด ตามมาด้วยสินค้าเกษตรและสินค้าประมง จนถึงวันที่ 9 ก.พ. รายได้จากการส่งออกโดยรวมของเมียนมา สูงกว่า 1.2477 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
เรื่องที่ 3,880 นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตากล่าวว่า เฟดจะไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง พร้อมกับแสดงความเห็นอย่างระมัดระวังว่า ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังปรับตัวสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืนหรือไม่
นายบอสติกกล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์กเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ว่า “หลักฐานที่ได้จากข้อมูลและการสำรวจของเราบ่งชี้ว่า ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเราได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อแล้วหรือไม่ ซึ่งทำให้ผมไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ผมคิดว่าเฟดอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย”
เรื่องที่ 3,881 นายกเทศมนตรีกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ กำลังพิจารณาเดินหน้าโครงการหาคู่ที่ได้รับการสนับสนุนจากกรุงโซล โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมการแต่งงานและมีบุตร ในช่วงเวลาที่เกาหลีใต้เผชิญปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลง ในขณะที่จำนวนประชากรสูงวัยกำลังคุกคามอนาคตของประเทศ
นายโอ เซ-ฮุน นายกเทศมนตรีของกรุงโซล ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กทีวีว่า “เราได้เลื่อนการดำเนินมาตรการดังกล่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า สถาบันของรัฐควรดำเนินนโยบายในด้านดังกล่าวหรือไม่ … ผมกำลังคิดว่าจะลองดูอีกสักครั้ง” นอกจากนี้ หน่วยงานต่าง ๆ ของกรุงโซลยังให้การช่วยเหลือคู่รักด้วยนโยบายต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนทางการเงินในการแช่แข็งไข่และการรักษาภาวะมีบุตรยากอีกด้วย
เรื่องที่ 3,882 ออสเตรเลียเตรียมรับมือพายุไซโคลนลูกที่ 3 ในรอบสองเดือน หลังจากที่พายุได้ก่อตัวขึ้นในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศในวันนี้ (16 ก.พ.) ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณพื้นที่ที่มีประชากรเบาบาง โดยสำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียรายงานคาดการณ์ว่า พายุไซโคลนลินคอล์นจะส่งผลให้เกิดดินถล่มระหว่างรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีและชายแดนรัฐควีนส์แลนด์ รวมถึงท่าเรือแมค อาเธอร์ในวันนี้ และคาดว่าจะเคลื่อนตัวโดยเป็นพายุไซโคลนระดับ 1 ซึ่งมีกำลังแรงน้อยที่สุด
ทั้งนี้ พายุลินคอล์นซึ่งกำลังจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งนั้น คาดว่าจะอ่อนกำลังลงและเริ่มเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกผ่านรัฐนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีตอนกลางในช่วงสุดสัปดาห์ จากนั้นจะเคลื่อนตัวไปทางตอนเหนือของรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก อีกทั้งมีความเสี่ยงในระดับปานกลางที่อาจกลายเป็นพายุไซโคลนในวันพฤหัสบดีหน้า
เรื่องที่ 3,883 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชติราดิตยา ซินเดีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการบินพลเรือนกลางของอินเดีย ประกาศแผนการเริ่มต้นบริการเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน (HEMS) ครั้งแรกของประเทศ ณ รัฐอุตตราขัณฑ์ทางตอนเหนือของอินเดีย
นายซินเดียกล่าวว่า ปัจจุบันมีการดำเนินงานประกอบและตรวจสอบรับรองเฮลิคอปเตอร์สำหรับการบริการดังกล่าว ซึ่งจะประจำการอยู่ที่สถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลล์ อินเดีย (AIIMS) ในเมืองฤๅษีเกศ จะคอยให้บริการภายในรัศมี 150 กิโลเมตร เพื่อนำส่งผู้ประสบอุบัติเหตุบนทางหลวงหรือที่อื่นๆ
โดยนพวัชร์