สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 4 ธ.ค. 66
สภาพอากาศวันนี้ : ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนบางแห่งกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์ : วันที่ 5ธ.ค. 66 ความกดอากาศสูงปานกลาง
ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มีลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็น และมีฝนบางแห่ง
ปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศ ณ วันที่ 3.ธ.ค. 66 น้อยกว่า ปี 65 จำนวน 4,078 ล้าน ลบ.ม. สรุปได้ดังนี้
ปริมาณน้ำทั้งประเทศ 63,695 ล้าน ลบ.ม. (77%)
ปริมาณน้ำใช้การ 39,489 ล้าน ลบ.ม. (68%)
การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำขนาดใหญ่
ระดับน้ำเกินระดับควบคุมสูงสูด 8 แห่ง ภาคเหนือ : แม่งัดสมบูรณ์ชล กิ่วคอหมา แม่มอก แควน้อยบำรุงแดนและบึงบอระเพ็ด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : อุบลรัตน์ และลำปาว ภาคกลาง : ป่าสักชลสิทธิ์
ระดับน้ำต่ำกว่าระดับควบคุมต่ำสุด 4 แห่ง ภาคเหนือ: สิริกิติ์ และทับเสลา ภาคกลาง : กระเสียว ภาคตะวันออก : คลองสียัด โดยขอให้หน่วยงานดำเนินการ 1. วางแผนการระบายน้ำโดยจัดลำดับความสำคัญตามที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด 2. ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรและขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง และ 3. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยการใช้น้ำภาคการเกษตรให้ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืช เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและเพิ่มรายได้ในพื้นที่
สถานการณ์อุทกภัย
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 จังหวัด (นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และนราธิวาส) รวม 14 อำเภอ 62 ตำบล 313 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22,458 ครัวเรือน ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง
สทนช.ประกาศ ฉบับที่ 6/2566 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงวันที่ 3 – 8 ธ.ค. 66 ดังนี้
1. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ (อ.ทับสะแก บางสะพาน และบางสะพานน้อย) จ.ชุมพร (อ.สวี ทุ่งตะโก หลังสวน และพะโต๊ะ) จ.สุราษฎร์ธานี (อ.เมืองสุราษฎร์ธานี พุนพิน เคียนซา พระแสง และดอนสัก) จ.ตรัง (อ.เมืองตรัง ห้วยยอด และวังวิเศษ) จ.พัทลุง (อ.เมืองพัทลุง และควนขนุน) จ.นครศรีธรรมราช (อ.เมืองนครศรีธรรมราช ขนอม สิชล นบพิตำ ท่าศาลา พรหมคีรี ลานสกา พระพรหม ปากพนัง ร่อนพิบูลย์ เฉลิมพระเกียรติ เชียรใหญ่ ชะอวด และหัวไทร) จ.สงขลา (อ.เมืองสงขลา กระแสสินธุ์ ระโนด สทิงพระ สิงหนคร ควนเนียง หาดใหญ่ นาหม่อม และบางกล่ำ) จ.ปัตตานี (อ.เมืองปัตตานี ปะนาเระ มายอ แม่ลาน ไม้แก่น ยะรัง ยะหริ่ง สายบุรี และหนองจิก) จ.ยะลา (อ.เมืองยะลา เบตง และรามัน) จ.นราธิวาส (อ.เมืองนราธิวาส เจาะไอร้อง ตากใบ บาเจาะ ยี่งอ ระแงะ รือเสาะ จะแนะ สุคิริน สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี)
2.เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก และเขื่อนบางลาง จ.ยะลา ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม
3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ คลองบางสะพาน คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำตรัง แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 66 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วย นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มอบนโยบายในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยเน้นปัญหาจากสภาวะเอลนีโญ จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้จนถึงปีหน้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงต้องเร่งขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาแหล่งน้ำและการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่เพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชน ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค การเกษตร และการใช้น้ำในกิจกรรมอื่น ๆ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องวางแผนการบริหารจัดการการใช้น้ำอย่างรอบคอบและมีแผนเตรียมการรองรับอย่างเคร่งครัด