เปิดสารผู้นำมหาอำนาจแซ่ซ้อง “เศรษฐา” นายกฯคนที่ 30
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2023/08/S__14098443-1024x711.jpg)
เปิดสารผู้นำมหาอำนาจแซ่ซ้อง “เศรษฐา” นายกฯคนที่ 30
![](https://aec10news.com/wp-content/uploads/2023/08/S__14098443-1024x711.jpg)
ทันทีที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 30 อย่างเป็นทางการ เสียงแซ่ซ้องจากผู้นำนานาประเทศ เพื่อร่วมความยินดี
เริ่มต้นจากสารของผู้นำประเทศมหาอำนาจ นายโจเซฟ อาร์. ไบเดน จูเนียร์ (President Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ดังข้อความต่อไปนี้
ในนามของสหรัฐอเมริกา ผมขอแสดงความยินดีกับคุณที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของราชอาณาจักรไทย ในปีนี้ ประเทศต่างๆ ของเราเฉลิมฉลองครบรอบ 190 ปีของความสัมพันธ์ทางการฑูต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์มิตรภาพที่ยาวนานยิ่งขึ้นระหว่างเราสองคน ฉันภูมิใจที่เรากระชับความเป็นหุ้นส่วนของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในปีที่แล้ว และฉันหวังว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับคุณในขณะที่เราปฏิบัติตามแถลงการณ์สหรัฐอเมริกา-ไทยฉบับใหม่ว่าด้วยพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือ
ด้วยประวัติศาสตร์ร่วมกันและค่านิยมร่วมกัน ความเป็นพันธมิตรระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาสนับสนุนสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองสำหรับประชาชนของทั้งประเทศของเราและทั่วทั้งอินโดแปซิฟิก ด้วยการกระชับความร่วมมือของเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและครอบคลุม พัฒนาความมั่นคงและการป้องกันร่วมกันของเรา และขับเคลื่อนการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปพร้อมกับการลงทุนในการเปลี่ยนแปลงพลังงานสะอาด ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาสามารถคว้าโอกาสมหาศาลของทั้ง 20 ประเทศ ศตวรรษแรกในขณะที่จัดการกับความท้าทายมากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง และฉันหวังว่าจะมีโอกาสได้พบคุณด้วยตนเอง
ประเทศ “บ้านพี่เมืองน้อง” อย่าง สปป.ลาว นายสอนไซ สีพันดอน (H.E. Mr. Sonexay Siphandone) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งนายเศรษฐาจะเดินทางไปประเทศลำดับแรกๆ
ในนามของรัฐบาลและประชาชนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และในนามส่วนตัว ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีและส่งคำอวยพรอันประเสริฐมายัง ฯพณฯ ในโอกาสที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยคนใหม่
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นใจว่า ด้วยความสามารถและประสบการณ์ที่กว้างขวางของ ฯพณฯ ราชอาณาจักรไทยจะมีความเจริญก้าวหน้า และวัฒนาถาวรอย่างต่อเนื่อง
ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้ร่วมงานกับ ฯพณฯ เพื่อกระชับและเสริมสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพ และความร่วมมืออันดีงามที่มีมาอย่างยาวนาน ในฐานะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่ดี มีวัฒนธรรมมีวัฒนธรรม จารีตประเพณีคล้ายคลึงกัน ภาษาพูดเข้าใจกัน และมีประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันยาวนานมากกว่า 7 ทศวรรษ และเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของทั้งสองประเทศ
ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้ เชิญ ฯพณฯ เดินทางมาเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อหารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่ให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้มีความมั่งมี เข้มแข็งและเพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมมาสู่ประชาชนทั้งสองชาติลาวและไทยให้ทวีคูณมากขึ้น เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในครอบครัวอาเซียน ภูมิภาค และสากล
ข้าพเจ้า ขอถือโอกาสอันเป็นสิริมงคลนี้ อวยพรให้ ฯพณฯ และประชาชนไทยทุกหมู่เหล่า จงมีสุขภาพแข็งแรง มีความผาสุข และประสบความสำเร็จในหน้าที่อันมีเกียรติของ ฯพณฯ
นอกจากนี้นายสอนไซ สีพันดอน ยังได้โทรศัพท์ถึงนายเศรษฐา เพื่อแสดงความยินดีโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมชื่นชมนายเศรษฐาซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์อย่างมาก โดยเฉพาะด้าน เศรษฐกิจ และเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสองประเทศจะพัฒนายิ่งขึ้นต่อไป พร้อมเชิญนายเศรษฐาเยือน สปป.ลาวในโอกาสแรก
ทั้งนี้ ไทยและสปป.ลาวมีความใกล้ชิดในฐานะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง นับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมากว่า 73 ปี ซึ่ง ประชาชนสองฝ่ายก็มีความใกล้ชิด และมีการยกระดับ ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมเชื่อมั่นว่านายเศรษฐา จะสานต่อความร่วมมือที่ได้ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ ที่พระบรมวงศานุวงศ์ทรงให้ ความช่วยเหลือ สปป.ลาว
นอกจากนี้ ไทยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของ สปป.ลาว เห็นว่า ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันจะเพิ่มพูนขึ้น รวมถึงการร่วมกันแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจของภูมิภาค ด้านความเชื่อมโยงโดยเฉพาะทางรถไฟสามฝ่าย ไทย-ลาว-จีน และ สะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 จะแล้วเสร็จในโอกาสแรก และความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งโครงการไฟฟ้าใน สปป.ลาวหลายแห่งก็ได้เริ่มส่งไฟฟ้าให้ฝ่ายไทยแล้ว ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยจึงอยากเห็นโครงการอื่น ๆ มีความคืบหน้า
นายเศรษฐาได้กล่าวแสดงความขอบคุณนายสอนไซ สีพันดอนและขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับสารแสดงความยินดี หวังว่า จะมีโอกาสเยือน สปป.ลาว ในโอกาสแรกเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นายเศรษฐา ให้ความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์กับ สปป.ลาว ในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียง และประสงค์ให้สอง ประเทศมีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น พร้อมทำงานกับฝ่าย สปป.ลาว อย่างเต็มที่ให้เกิดความก้าวหน้าในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและหวังว่าจะได้พบกับนายสอนไซ สีพันดอนในโอกาสแรก พร้อมตั้งใจจะเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการเป็นประเทศแรกๆด้วย
นายเศรษฐายังฝากความปรารถนาดีไปยังท่านทองลุนฯ ประธานประเทศและท่านคำไตฯ ขอให้ท่านมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งนายสอนไซ สีพันดอนได้ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีและจะนำไปเรียนทั้งสองท่าน
รวมถึงประเทศ “รั้วติตกัน”อย่างกัมพูชา ซึ่งเพิ่งได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เวลาใกล้เคียงกัน นายฮุน มาเนต (H.E. Mr. Hun Manet) นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา
ในนามของรัฐบาลประชาชนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และตัวข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจและอบอุ่นที่สุดต่อ ฯพณฯ ที่ท่านได้รับเลือกและแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของราชอาณาจักรไทย
ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าภายใต้การนำที่มีความสามารถของคุณ ราชอาณาจักรไทยจะประสบความสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญ ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมและมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในเวทีระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ
ข้าพเจ้าตั้งตารอที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับฯพณฯ ในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อกระชับมิตรภาพดั้งเดิมของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเสริมสร้างความร่วมมือหลายแง่มุมเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองของเรา ซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในประชาคมอาเซียนและที่อื่น ๆ
กรุณายอมรับ. ฯพณฯ ข้าพเจ้าขอรับรองในการพิจารณาอย่างสูงสุดและปรารถนาให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จในความเพียรพยายามอันสูงส่งของท่านต่อไป
ขณะที่ นายลี เซียน ลุง (H.E. Mr. Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ เฝ้ารอวันที่จะได้พบกับนายเศรษฐาและพญ.พักตร์พิไล ทวีสิน “สตรีหมายเลข 1”
เรียน นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ในนามของรัฐบาลสิงคโปร์ ผมขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของราชอาณาจักรไทย ฉันมั่นใจว่าประเทศไทยจะเติบโตและเจริญรุ่งเรืองต่อไปภายใต้การนำของคุณ
สิงคโปร์และไทยมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและหลากหลายแง่มุม โดยได้รับการสนับสนุนจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การเชื่อมโยงทางสถาบันที่ใกล้ชิด และการแลกเปลี่ยนทางการเมืองและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนเป็นประจำในทุกระดับ ความร่วมมืออันยาวนานและลึกซึ้งของเราครอบคลุมหลายภาคส่วน รวมถึงการค้าและการลงทุน กลาโหม และการศึกษา สิงคโปร์และไทยยังเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งในเวทีพหุภาคี รวมถึงในอาเซียนด้วย ฉันแน่ใจว่ามิตรภาพระหว่างเราทั้งสองประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นต่อไปในปีต่อ ๆ ไป
ฉันหวังว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับคุณเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และจะได้พบกับคุณเร็วๆ นี้ ผมอยากจะเรียนเชิญคุณและคุณพักตร์พิไลไปเที่ยวสิงคโปร์โดยเร็วที่สุดฉันขอให้คุณประสบความสำเร็จและมีสุขภาพที่ดีเมื่อคุณเริ่มต้นภาคเรียนใหม่
สำหรับอีก 1 ประเทศ ที่มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยอย่างแนบแน่นในทุกระดับ ดร. โลเตย์ เชริง (H.E. Dr. Lotay Tshering) นายกรัฐมนตรีภูฏาน
ในนามของประชาชนและรัฐบาลภูฏาน ผมขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อ ฯพณฯ ที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของเรา ตลอดจนมรดกทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณที่มีร่วมกัน ภูฏานและประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันอบอุ่นและจริงใจ
ฉันมั่นใจว่าภายใต้การนำของฯพณฯ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศของเราจะกระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในปีต่อๆ ไป ส่งเสริมความร่วมมือและความเข้าใจที่มากขึ้นเพื่อประชาชนของเราให้ดีขึ้น
ฉันขออวยพรให้ ฯพณฯ ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติตามความรับผิดชอบที่สำคัญของตำแหน่งระดับสูงของคุณโปรดยอมรับ ฯพณฯ การรับประกันการพิจารณาสูงสุดของฉัน
ที่ขาดไม่ได้ คือ ผู้นำจากประเทศมหาอำนาจตะวันตก นายหาน จื้อเฉียง (Han Zhiqiang) เอกอัคราชฑูตจีนประจำประเทศไทยพร้อมด้วย อัคราชฑูต อู๋ จื้ออู่ (Wu Zhiwu) และคณะเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา
นายเศรษฐากล่าวว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญต่อนโยบายการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมและในโอกาสนี้ มีการหารือถึงแนวทางการผ่อนปรนมาตรการและเงื่อนไขการทำวีซ่าเข้าประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนระหว่างสองประเทศก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงปลายปี
นายหาน จื้อเฉียง กล่าวว่า ไทยเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic partner) ที่สำคัญ โดยจีนพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พร้อมกับกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และหารือแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจ ร่วมกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping)