สหรัฐฯ หนุนประชาธิปไตยเมียนมา
สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเมียนมาเพิ่มอีก สนับสนุนให้เดินหน้าปฏิรูปสู่ประชาธิปไตยต่อเนื่อง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 17พ.ค.ว่า โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ แถลงว่า การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐได้ยกเลิกการคว่ำบาตรต่อบริษัทและธนาคารของรัฐบาลเมียนมารวมกว่า10 แห่งรวมทั้ง บริษัท เมียนมา ทิมเบอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์และธนาคารเมียนมาร์ อีโคโนมิค แบงก์ เป็นต้น แต่ยังคงการเข้มงวดการค้าขายและลงทุนกับกองทัพเมียนมาที่ยังมีอิทธิพลทางการเมืองในเมียนมาร์ แม้เพิ่งมีการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วซึ่งพรรคการเมืองฝ่ายค้านนำโดยนางออง ซาน ซูจี ชนะเลือกตั้งถล่มทลายได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแต่นางซูจีหมดโอกาสได้เป็นประธานาธิบดีเพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังกำลังแก้ไขระเบียบเพื่อสนับสนุนการค้าและการทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อเอื้อต่อการลงทุนจากสหรัฐฯ ให้มากขึ้นแม้เดิมบริษัทใหญ่ๆ รวมทั้งโคคา-โคลา เจเนอรัล อิเล็กทริค เชฟรอนและคาเตอร์พิลลาร์จะลงทุนอยู่ในเมียนมาอยู่แล้วแต่ก็ถือว่ามียอดการลงทุนแค่ 1% เท่านั้นจากสถิติการลงทุนของต่างชาติในเมียนมาโดยรวมและยังคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่ากลุ่มประเทศอื่นๆ ในอาเซียนด้วย และยังเป็นไปสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลใหม่ของเมียนมา
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังกำลังเตรียมปรับยอดการลงทุนในเมียนมาที่ต้องแจ้งกับทางการจาก 500,000 ดอลลาร์เพิ่มเป็น 5 ล้านดอลลาร์ แต่ยังคงสั่งห้ามนำเข้าหยกและทับทิม ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมทำเงินมากสุดของเมียนมาร์ ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการคว่ำบาตรการค้าและการลงทุนเมื่อปี 2555 หลังบังคับใช้มานาน เมื่อเห็นว่าเมียนมาเริ่มการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ยังเข้มงวดกับกลุ่มบริษัทและบุคคลที่ต่อต้านการปฏิรูปประชาธิปไตย พัวพันการละเมิดสิทธิมนุษยชนและค้าขายอาวุธกับเกาหลีเหนือ.