สรรพสามิตย้ำ เดินหน้าต่อเนื่องกับคดีจับบุหรี่เถื่อน
ขึ้นแบล็กลิสต์เจ้าของร้าน และร้านขายบุหรี่เถื่อนที่สงขลานาน 5 ปี
ตามที่สื่อมวลชนได้มีการกล่าวถึงกรณีการปราบปรามและเข้าจับกุมร้านขายบุหรี่เถื่อนที่จังหวัดสงขลาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 ที่ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สงขลา สาขาหาดใหญ่ และสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 ได้บูรณาการร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง นำหมายค้นของศาลจังหวัดสงขลา เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ดูแลร้านค้าที่ลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศที่มิได้เสียภาษีมาขายให้กับประชาชนในพื้นที่ยังไม่มีความคืบหน้านั้น กรมสรรพสามิตขอชี้แจงว่า กรมสรรพสามิตได้ดำเนินการตามกฎระเบียบ และมีบทลงโทษ ทั้งเจ้าของร้านและสถานที่ตั้งของร้าน ขึ้นแบล็คลิสต์ห้ามมิให้ขายสินค้าประเภทบุหรี่หรือเหล้าเป็นเวลา 5 ปีในส่วนของการดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยผู้ต้องหาอยู่ระหว่าง การประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี
นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากการบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อทำการเข้าตรวจค้นร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่หนีภาษี โดยพบว่ามีการกระทำผิดนำบุหรี่หนีภาษีมาจำหน่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ จึงได้มีการจับกุมผู้ดูแลร้านค้าทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ร้านฟาสต์สโตร์ ตั้งอยู่ถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 1 ร้าน GIN ตั้งอยู่ถนนตันรัตนาการ และร้านค้าไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ ถนนตันรัตนาการ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยกรมสรรพสามิตได้ลงโทษผู้กระทำผิดด้วยการแบล็กลิสต์เจ้าของและสถานที่ตั้งของร้าน ไม่อนุญาตให้จำหน่ายบุหรี่หรือเหล้าในระยะเวลา 5 ปี โดยผู้กระทำผิดไม่สามารถเปิดร้านขายบุหรี่หรือเหล้าได้ ไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ใดก็ตาม และในส่วนของสถานที่ตั้งร้านค้าก็ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าประเภทบุหรี่หรือเหล้าได้เป็นระยะเวลา 5 ปี เช่นกัน ทางด้านการดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ขณะนี้อยู่ในอำนาจพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
นอกจากนี้ ทางสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 ได้สั่งการให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สงขลาเข้า
ดำเนินการติดตามและตรวจสอบร้านค้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งร้านค้าทั้ง 3 แห่งไม่สามารถขายบุหรี่หรือเหล้าได้อีกเป็นระยะเวลา 5 ปี ตามบทลงโทษของกรมสรรพสามิต โดยร้านฟาสต์ สโตร์ ได้เปิดเป็นร้านรับบริการขนส่งสินค้า ร้าน GIN และร้านค้าไม่มีชื่อซึ่งตั้งอยู่ใกล้กันได้เปิดเป็นร้านขายของชำแทน
นายเกรียงไกรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสรรพสามิตได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวและ มีการติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องการลงโทษ การติดตาม และตรวจสอบอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ที่ให้ความสำคัญและมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในทุกระดับ อีกทั้งยังมีการรวบรวมและนำข้อมูลหรือปัญหาในทุก ๆ ส่วนมาวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางในการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันการทุจริตเชิงรุกและการยับยั้งปัญหาการทุจริตให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
นายเกรียงไกรฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สรรพสามิตนั้น ไม่เพียงแค่
ปราบปรามการกระทำผิดตามกฎหมายสรรพสามิต แต่ยังมีการแนะนำผู้ประกอบการขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ที่จำหน่ายสินค้าในความควบคุมของกรมสรรพสามิตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติ ได้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยหากพบการกระทำผิดก็จะจับกุมดำเนินคดี รวมถึงมีแผนการตรวจติดตามต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแสหรือพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตสามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ สายด่วน 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออีเมล์ excise_hotline@excise.go.th