ชนชั้นกลางในเอเชียหนุนศก.สิงคโปร์
เจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงของสิงคโปร์กล่าวว่า จำนวนชนชั้นกลางชาวเอเชียที่เพิ่มสูงขึ้นจะยังคงมีบทบาทสำคัญในอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งเพียงพอสำหรับการช่วยสิงคโปร์ในการรับมือกับอุปสรรคจากเศรษฐกิจโลก
นาย เบ ซวาน จิน ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศสิงคโปร์ตอนนี้กำลังอยู่ในความตึงเครียด แต่ก็ยังมีสัญญาณที่ดีให้เห็นอยู่บ้าง เช่น การฟื้นตัวของผู้บริโภคที่มีการใช้จ่ายมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของการจราจรทางอากาศที่สนามบินนานาชาติชางงี สนามบินซึ่งกลายเป็นศูนย์รวมทางอากาศที่สำคัญและโดดเด่นของภูมิภาคนี้
ทั้งนี้ นักธุรกิจชาวสิงคโปร์สามารถตักตวงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับจากประชากรคนหนุ่มสาว การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและการขยายตัวของเมือง เช่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมือง แต่ตราบใดที่แต่ละประเทศมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจเป็นแบบเปิดและปฏิบัติตามนโยบายการตลาดที่เข้าถึงได้ง่าย ก็จะไม่ส่งผลด้านลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ เขากล่าวต่ออีกว่า
“เรามักจะมองเชิงบวกในระยะกลางถึงระยะยาว หลายประเทศในอาเซียนที่แม้จะยังมีความไม่มั่นคงทางการเมือง ต่างกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 5%”
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจของสิงคโปร์ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2504 เพื่อช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ
การส่งออกที่ซบเซาในไตรมาสแรกของสิงคโปร์ยังไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงนัก ธนาคารกลางของสิงคโปร์ซึ่งเป็นสถาบันหลักที่ให้การสนับสนุนภาคธุรกิจยังคงยืนยันว่าจะไม่มีการประกาศแข็งค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ในเร็วๆนี้
นายเบกล่าวเสริมว่า นโยบายผ่อนปรนทางการเงินโดยธนาคารกลางของสิงคโปร์อาจมีจุดมุ่งหมายที่การพัฒนาเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ
“ผมคิดว่าธนาคารกลางกำลังกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างค่าใช้จ่าย เราเป็นประเทศขนาดเล็ก การค้าขายระหว่างประเทศเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ โครงสร้างต้นทุนของเราต้องสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ค่าเงินจึงถือเป็นเหตุผลหลักที่ยังไม่ควรแข็งค่าในตอนนี้”
ทั้งนี้รัฐบาลพยายามที่จะเข้มงวดกับกระบวนการสมัครงานของคนงานชาวต่างชาติ แต่ไม่ได้เจาะจงไปยังชนชาติใดเป็นการเฉพาะ โดยมาตรการนี้จะมีการดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อการลงทุนในอนาคต นายเบให้ความเห็นว่า
“หากคุณเป็นเจ้าของบริษัทที่ให้บริการชาวสิงคโปร์ คงไม่มีความจำเป็นหากจะมีพนักงานเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด”.